NEX เซ็น
MOU 4 พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีโทรคมนาคม-ยานยนต์-มจธ.
ร่วมวิจัยพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ยกระดับผู้ประกอบการไทยเทียบเท่าสากล
ผลักดันอุตฯ ยานยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน
บมจ.เน็กซ์
พอยท์ (NEX) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง
“การวิจัย และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ” กับ 4 หน่วยงานพันธมิตร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น
เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท พนัสแอสเซมบลีย์ จำกัด และบริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด
เพื่อพัฒนางานวิจัยยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับสามารถนำไปใช้ประโยชน์จริงหวังยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ระดับสากล
ขณะที่สถาบันการศึกษาจะช่วยพัฒนาบุคลากรคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
รวมทั้งช่วยผลักดันอุตสาหกรรมเติบโตยั่งยืน ประเดิมพัฒนา
“รถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ สื่อสารร่วมกับโมบายแอปพลิเคชันผ่านเทคโนโลยี 5G ”
นำมาใช้ทดสอบกับนักท่องเที่ยวในเขตโบราณสถาน คาดเริ่มทดลองใช้ได้ในปีนี้
นายคมสหัสภพ นุตยกุล กรรมการ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด
(มหาชน) หรือ NEX
เปิดเผยว่าบริษัทฯได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ในโครงการ“การวิจัย
และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ”กับ 4 หน่วยงานพันธมิตร
ซึ่งมีผู้ร่วมงานประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นายปิยะ จิราภาพงศา
รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส
จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการออกแบบ วางระบบ พัฒนาซอฟต์แวร์ และการสื่อสารโทรคมนาคม
นายพนัส วัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พนัสแอสเซมบลีย์ จำกัด และนางสาววรีมน
ปุรผาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถ AGV ลงนามร่วมกัน ณ โรงแรมมิราเคิล
แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร
สำหรับโครงการฯ
ดังกล่าวจะมีการพัฒนารถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ อย่างน้อยระดับที่ 3
มีขนาดไม่น้อยกว่า 20 ที่นั่ง สื่อสารร่วมกับโมบายแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยี 5G ระหว่างรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับประชาชน
และนักท่องเที่ยว ในเขตโบราณสถาน เป็นการศึกษาทดลองการใช้งานรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบที่วิ่งร่วมกับรถทั่วไปในท้องถนนจริง
โดยทดสอบการนำเอาระบบสื่อสารภายใต้โครงข่าย 5G มาใช้งานระหว่างรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับระบบอื่นๆ
ในรูปแบบการ
ติดต่อสื่อสาร C-V2X (Cellular-Vehicle-to-Everything) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
โดยคาดว่าจะเริ่มทดสอบใช้งานได้ในช่วงปลายปีนี้
"ความร่วมมือในครั้งนี้
จะพัฒนาโครงการฯร่วมกัน ซึ่งจะเป็นโครงการนำร่อง
จุดเริ่มต้นของการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องรถไฟฟ้าไร้คนขับ
พัฒนาบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
ร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
รวมทั้งเชื่อว่ารถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับจะมีบทบาทมาในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอนาคต
ซึ่งจากความร่วมมือในครั้งนี้เชื่อมั่นว่าจะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่
ที่นำไปสู่การใช้งานจริง เป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
สามารถทัดเทียมต่างชาติได้" นายคมสหัสภพ กล่าว