“ออริจิ้นมุ่งขยายอาณาจักรธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย เมกะเทรนด์และธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิด “Origin Infinity” เพื่อก้าวสู่ Well-Being Lifetime Company หรือองค์กรที่มีธุรกิจครอบคลุมการดูแลผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต”
นายพีระพงศ์ จรูญเอก (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI พร้อมด้วยผู้บริหารในเครือ จัดงานแถลงข่าวประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 “Origin Infinity” สู่เส้นทาง Well-Being Lifetime Company สร้างการเติบโตและดูแลบริโภคแบบไม่สิ้นสุด พร้อมเปิดตัวโครงการบ้าน-คอนโดใหม่-โรงแรม-อาคารสำนักงาน-มิกซ์ยูส–โครงการโลจิสติกส์ และคลังสินค้า และเดินหน้ากลุ่มธุรกิจใหม่นอกเหนือจากที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง
Origin Infinityมุ่งขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก
1.การขยายสินค้าและบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
(Nationwide Serve) ยกทัพธุรกิจในเครือกระจายสู่ต่างจังหวัดเพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
(Better Living) ให้แก่คนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
เริ่มจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่แบบ All Time High รวมทั้งสิ้น 42 โครงการ
มูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท
ครอบคลุมพื้นที่ 13
จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 22 โครงการ
มูลค่าโครงการรวม 27,500 ล้านบาท
และโครงการบ้านจัดสรร 20 โครงการ
มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน จะเริ่มพัฒนาโครงการโรงแรม อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าใหม่ในปีนี้
มูลค่า REIT ประมาณการรวม 25,500 ล้านบาท
โครงการกลุ่มโลจิสติกส์และคลังสินค้า (Logistics &
Warehouse) มูลค่า REIT ประมาณการรวม 4,500 ล้านบาท พร้อมทยอยนำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
ทั้งธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในเครือบริษัท พรีโม
เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจบริการสุขภาพภายใต้ออริจิ้น เฮลท์แคร์
ไปให้บริการในต่างจังหวัดด้วย
“ไฮไลต์ของปีนี้
คือการนำหลายแบรนด์ที่เราไม่ได้เปิดตัวมาระยะหนึ่ง
กลับมาร่วมบุกตลาดเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าหลากเซ็กเมนท์และสอดคล้องกับสภาพความต้องการของตลาดในปีนี้
อาทิ แบรนด์ดิ ออริจิ้น กลับมาเจาะตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อคน Gen Z และกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานหรือ First Jobber แบรนด์เบลกราเวีย กลับมาเจาะตลาดบ้านเดี่ยวลักชัวรีรองรับดีมานด์หลากทำเล
ขณะเดียวกัน ปีนี้จะมีการบุกไปยังจังหวัดใหม่ๆ ที่เราไม่เคยไปบุกมาก่อน
รวมถึงมีโครงการไฮไลต์ เป็นโครงการมิกซ์ยูส กระจายตัวในหัวเมืองใหญ่หลายจังหวัด
เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช ผสมผสานหลากหลายสูตร เช่น บ้าน คอนโด โรงแรม ศูนย์การค้า
บริการสุขภาพ ต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการออริจิ้น ดิสทริค
แหลมฉบัง-ศรีราชา และออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง”นายพีระพงศ์ กล่าว
2.การขยายจักรวาลธุรกิจใหม่ให้มีเส้นทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง
(Multiverse Expansion) มุ่งพัฒนาช่วงชีวิตที่ดีขึ้น (Better Lifetime) ต่อยอดจากแผน Origin
Multiverse ในปี 2565
ด้วยการขยายธุรกิจนอกเหนือจากที่อยู่อาศัยให้มีเส้นทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ครอบคลุมการดูแลคนทุกเจเนอเรชั่น ทุกช่วงจังหวะของชีวิต ตั้งแต่ยังโสด
เพิ่งแต่งงาน ครอบครัวขยายตัว จนเกษียณอายุ ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
นำพาบริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจใหม่ๆ
เติบโตเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องปีละ 1 บริษัท หลังจากนำบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เข้าตลาดได้แล้วในปี 2564 และ 2565 (ตามลำดับ) ตามแผนงาน ในปี 2566 มีแผนส่งบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เป็นธุรกิจถัดไป ตามด้วยบริษัท
แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด และบริษัท
ยูไนเต็ด โปรเจคต์แมเนจเมนท์ จำกัด โดยวัน ออริจิ้น
จะมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ในปีนี้ทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กลุ่มเฮลท์แคร์จะเริ่มวางรากฐานเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ อาทิ คลินิกทันตกรรม
คลินิกความงาม คลินิก
สัตว์เลี้ยง คลินิกเส้นผม
กระจายตัวไปพร้อมกับโครงการที่อยู่อาศัยและมิกซ์ยูสเครือออริจิ้น
โดยมีแผนเปิดสาขารวมทั้งหมด 25 แห่งในสิ้นปี 2566
3.การดูแลสังคม (Social Attention) ร่วมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ
เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น (Better Society)
ได้แก่
ด้านการพัฒนาบุคลากร (Talent Development) จับมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ
สร้าง Origin Valley ร่วมกับสถาบันการศึกษานั้นๆ
เพื่อเป็นพื้นที่พัฒนาทักษะคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความสามารถที่ตรงกับความต้องการขององค์กรและตลาดแรงงาน
รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาบุคลากรในเครือออริจิ้น
พร็อพเพอร์ตี้ที่มีมากกว่า 3,000 คน
ให้พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้านการพัฒนาชุมชน (Community
Development) ดำเนินโครงการ Origin Give เพื่อสร้างโอกาสและส่งมอบสิ่งดีๆ
แก่ชุมชน อาทิ การมอบทุนการศึกษา การมอบอุปกรณ์การแพทย์ การลงพื้นที่พัฒนาโรงเรียน
ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable
Development) ร่วมเดินหน้าแผน Net-Zero
Emission 2044 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ อาทิ การออกแบบโครงการที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณขยะ
การลดใช้ไฟฟ้าทั้งในออฟฟิศและสำนักงานขาย การเริ่มติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger ในโครงการใหม่ๆ
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า จากแผนงาน Origin Infinity บริษัทเชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกมิติ และเป็นการกระจายการเติบโตพร้อมรับมือทุกสภาวะเศรษฐกิจ ปี 2566 นี้ จึงตั้งเป้าหมายยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยไว้ที่ 45,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท หรือเป็นเป้าหมายเติบโต All Time High
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย
(Residential Development Business)
2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ
(Recurring Income Business)
3.ธุรกิจบริการ (Service
Business)
4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว
(Mega Trends)
5. ธุรกิจแขนงใหม่ (New S-curve)
จากผลการดำเนินงานที่ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท
มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวด
6 เดือนที่เหลือของปี 2565 ในอัตรา 0.57 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็น Dividend Yield กว่า 6.05% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ 11.90 บาท
เป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 1,399 ล้านบาท
โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พ.ค. 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล
(Record Date) ในวันที่ 9 พ.ค. 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่
25 พ.ค. 2566