กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนตามตลาดโลก จากแรงกดดัน FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้นหลังสหรัฐรายงานตัวเลข PCE ดีดตัวขึ้น 5.4%YoY ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จึงให้กรอบดัชนี 1,600-1,660 จุด แนะลงทุนในหุ้นที่มีการปรับน้ำหนักคำนวณ MSCI มีผลวันนี้ 28 ก.พ.
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงกดดันจากตัวเลข PCE สหรัฐออกมาสูงกว่าตลาดคาดโดยดีดตัวขึ้น 5.4%YoY ในเดือนม.ค. และสูงกว่าระดับ 5.3% ในเดือนธ.ค. และ เพิ่มขึ้น 0.6%MoM ในเดือนม.ค. ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น
ทั้งนี้ทาง IMF ได้ออกมาเตือนว่าธนาคารกลางยังคงต้องเฝ้าระวังจนกว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้บริโภคในการใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากการที่รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัสเซียที่เข้าร่วมการประชุม G20 ว่า "มีส่วนรู้เห็น" ในความโหดร้ายของรัสเซียในการรุกรานยูเครนและความเสียหายของสงครามที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และการเกิดภาวะ Inverted Yield Curve อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.826% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ระดับ 3.95%
อีกทั้งสถานการณ์ของประเทศกัมพูชาที่ยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนกเป็นรายแรกในรอบ 9 ปี ขณะที่ WHO กำลังทบทวนการประเมินความเสี่ยงทั่วโลกโดยพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดว่า "น่ากังวล" เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อที่เป็นนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพิ่มขึ้น สำหรับประเทศไทยปัจจุบันยังไม่พบรายงานผู้ป่วยจากระบบการเฝ้าระวัง จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,600-1,660 จุด
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ วันนี้ (28 ก.พ.) ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย กำหนดวันสุดท้ายบริษัทจดทะเบียนส่งงบปี 65 และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ วันนี้ (28ก.พ.) ญี่ปุ่นรายงานยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. วันที่ 1 มี.ค จีน รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและ PMI ภาคบริการเดือนก.พ. อียู รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.พ. สหรัฐ รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.พ. ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 2 มี.ค. อียูรายงานอัตราว่างงานเดือนม.ค. สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันที่ 3 มี.ค.ญี่ปุ่นรายงานอัตราว่างงานเดือนม.ค. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ. ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.และยอดขายรถยนต์เดือนก.พ.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่มีการปรับน้ำหนักคำนวณ MSCI ที่จะมีผล 28 ก.พ.นี้ ของดัชนี MSCI Global Standard หุ้นเข้า : BANPU ส่วนดัชนี MSCI Global Small Cap : หุ้นเข้า AURA BTG ONEE SNNP และ THCOM ระวังหุ้นออก ได้แก่ BANPU COM7 TIDLOR และ TISCO
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมในสัปดาห์นี้ยังคงจับตาประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ หากตัวเลขดังกล่าวฟื้นตัวแข็งแกร่งจะทำให้เฟดกลับมาเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปัจจุบัน Fed watch ให้น้ำหนักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเฟดเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจาก 15% สู่ 23%
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำยังทรงตัวในกรอบ 1,775-1,850$/oz หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ ขณะที่ปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแกร่ง อาจทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงต่อเนื่อง