UBE โชว์ฟอร์มดี! ปี 65 รายได้ทะลุ
7,000 ลบ.
ตั้งเป้าปีนี้ดันธุรกิจเติบโตขึ้น
10%
บมจ.อุบล ไบโอ
เอทานอล หรือ UBE
โชว์ฟอร์มดี อวดผลงานไตรมาส 4/65 กวาดรายได้ 2,057.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 149.8 ล้านบาท หนุนทั้งปีรายได้โต 7,199.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 329.2 ล้านบาท ขณะที่ในปี 66 ตั้งเป้ารายได้โต 10% พร้อมเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรสูง-ปรับขนาดของบรรจุภัณฑ์-ขยายช่องทางการจำหน่าย
ส่วนธุรกิจกาแฟยังเติบโตต่อเนื่อง
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด
(มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เอทานอล แป้งมันสำปะหลัง ฟลาวมันสำปะหลัง
รวมถึงผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์อื่นๆ เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ
ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณยอดขายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
หลังจากการผ่อนปรนข้อกำหนดด้านการท่องเที่ยว ขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นๆ
เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากยอดขายผลิตภัณฑ์กาแฟเป็นหลัก
โดยในช่วงไตรมาส
4/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 2,057.9 ล้านบาท เติบโต 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่
149.8 ล้านบาท เติบโต 28%
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งหลักๆ
มาจากราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง จึงส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี
2565 ที่ผ่านมา เติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยบริษัทฯ
มีรายได้รวมที่ 7,199.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 329.2 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2566
จะยังคงเติบโตขึ้นจากปี 2565 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ
ยังคงวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตที่ระดับ 10% จากปีก่อน
จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
การปรับขนาดของบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องตามความต้องการของตลาด
รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น อีกทั้ง
ธุรกิจกาแฟยังมีการเติบโตที่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทฯ
ยังเดินหน้าตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนปริมาณการขายสินค้ากลุ่มมูลค่าสูง ทั้งแป้งออร์แกนิก
และฟลาวมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและแสวงหาโอกาสเพื่อการต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ
“ปัจจุบันบริษัทฯ
ได้ปรับกลยุทธ์การเสนอขายแป้งมันสำปะหลัง
โดยเพิ่มสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กซึ่งมีมูลค่าที่สูงขึ้น และมุ่งเน้นการทำการวิจัยและพัฒนา
(Research
& Development) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของการนำฟลาวมันสำปะหลังไปใช้
โดยในปี 2566 นี้ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม
เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบัน รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
เพิ่มเติมด้วย”
นางสาวสุรียส กล่าวอีกว่า ในปี 2566 เป็นปีแห่งความท้าทายในหลากหลายด้าน อย่างไรก็ตาม UBE ยังตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงในประเทศ
และสนับสนุนการผลักดันการเปิดเสรีเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อเพิ่มปริมาณขาย
ส่วนกลุ่มธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 นี้ จะเห็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ
ได้เตรียมพร้อมรับมือด้วยการจัดทีมงานส่งเสริมการขายไปทำตลาดในพื้นที่ต่างประเทศใหม่ๆ
ให้มากขึ้น รวมถึงการนำเสนอฟลาวมันสำปะหลังไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ
ยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมเพื่อความยั่งยืน
ที่สอดคล้องตามแนวทาง ESG (Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance
(ธรรมาภิบาล) ตั้งแต่การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยให้สำคัญตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการวัตถุดิบมันสำปะหลัง
เพื่อยกระดับเพิ่มมูลค่าการผลิตมันสำปะหลังให้เป็น “มันสำปะหลังอินทรีย์”
โดยมีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล
และรณรงค์ให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในวิถีอินทรีย์ ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ
มีแผนที่จะเดินหน้าส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ในพื้นที่อีสานล่าง 2 จาก
10,000 ไร่ เป็น 30,000 ไร่ นอกจากนี้ยังเดินหน้าการใช้พลังงานสะอาดหมุนเวียนภายในโรงงานจากโซลาร์ลอยน้ำ
(Floating Solar) ที่ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท อุบลแสงอาทิตย์
จำกัด เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงเป็นการดำเนินโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม
แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและลดการพึ่งพาพลังงานจากข้างนอก
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21
กุมภาพันธ์ 2566 มีมติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2565
(1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565) เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.04 บาทต่อหุ้น
โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 20 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 โดยบริษัทฯ จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
2566 ในวันที่ 18 เมษายน 2566