คปภ. ผนึก กนอ. ลงนาม MOU นำร่องปูพรมประกันภัย พ.ร.บ. เชิงรุก ก่อนขยายผลในพื้นที่อื่นๆต่อไป

เมื่อวันที่ 13 ..2566 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(เลขาธิการ คปภ.)  พร้อมด้วย รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าการ กนอ.) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการบูรณาการความร่วมมือส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสิทธิประโยชน์ ด้านการประกันภัย ..ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) กับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยมีนายนรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบอร์ดกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย นายภาณุ จันทร์เจียวใช้ บอร์ดกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ตลอดจนคณะผู้บริหารของทั้งสองหน่วยงาน และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน  ห้องประชุมสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ


เลขาธิการ คปภกล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากปี 2565 สำนักงานคปภได้ดำเนินการโครงการรณรงค์เชิงรุกการทำประกันภัย ..อย่างยั่งยืน เพื่อรณรงค์และส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ รับรู้ถึงสิทธิประโยชน์ต่าง  ที่จะได้รับจากการจัดทำประกันภัย ..และได้มีการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ โดยได้รับเกียรติจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการฯ  สามย่านมิตรทาวน์ ต่อมาได้มีการขยายการดำเนินงานในทางปฏิบัติสู่ระดับภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานในพื้นที่นำร่องภายในนิคมอุตสาหกรรม โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการและพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ด้าน รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าการ กนอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย..เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่มาโดยตลอด เพราะเล็งเห็นว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะนํามาถึงการสูญเสียที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัย ดังนั้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมผนึกความร่วมมือกับสำนักงาน คปภในการเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และผลักดันให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถทุกคันในนิคมอุตสาหกรรมมีการจัดทำ ประกันภัย ..เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตต่อตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม โดยในปีนี้กำหนดเจาะกลุ่มเป้าหมายที่นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานครและนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมทั้งสามแห่งมีโรงงาน จำนวน496 แห่ง คนงาน จำนวน 133,000 คน รถยนต์ จำนวน 13,500 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 18,000 คัน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทาง


ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและบูรณาการผลักดันให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถและผู้ครอบครองรถในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมีการจัดทำประกันภัย ..อย่างยั่งยืนในหลากหลายมิติ สำนักงาน คปภและ กนอได้กำหนดกรอบการดำเนินงานร่วมกัน 2 แนวทางหลัก  คือ แนวทางแรก ความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประกันภัย ..และบทบาทหน้าที่ของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นของการทำประกันภัย ..อาทิเช่นประโยชน์ของการทำประกันภัย ..บทลงโทษจากการฝ่าฝืนไม่จัดทำประกันภัย ..นอกจากนี้จะมีการประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตระหนักถึงความปลอดภัยให้ความร่วมมือกับรัฐในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้ระบบประกันภัย ..เป็นเครื่องมือ

แนวทางที่สอง ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร และประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสนับสนุนงานวิชาการด้านประกันภัย ...

เลขาธิการ คปภกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภได้มีการดำเนินงานในการขับเคลื่อนด้านประกันภัย ..ในหลากหลายมิติอย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองตามประกันภัย..เพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม โดยในปัจจุบันหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 504,000 บาท หรือ กรณีได้รับบาดเจ็บต่อร่างกายจะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 84,000 บาท การขยายช่องทางการจำหน่ายประกันภัย ..ให้ประชาชนสามารถซื้อหรือต่อประกันภัย ..ที่สะดวกยิ่งขึ้น ได้แก่ ช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียน และเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7-11 นอกเหนือจากการซื้อผ่านตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย เป็นต้น

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ..สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีระยะเวลา ความคุ้มครองระยะยาว 3 - 5 ปี เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือก รวมถึงให้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยกรณีซื้อประกันภัย ..ระยะยาว เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมีการทำประกันภัย ..ระยะยาวสำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นประเภทรถที่มีการใช้งานเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ตลอดจนช่วยลดจำนวนการขาดต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย .. และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล ผ่านระบบสารสนเทศในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับก่อนชำระภาษีรถยนต์ประจำปี เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัย ..ให้กับประชาชนที่มาใช้บริการต่อภาษีรถ การบูรณาการความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประกันภัย ..ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด เป็นต้น

การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง สำนักงาน คปภกับ กนอในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือในการทำงานแบบเชิงรุกอย่างเป็นระบบ โดย กนอถือเป็นพื้นที่นำร่องที่สำคัญที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงาน คปภในการรณรงค์ให้เจ้าของรถทุกคันมีประกันภัย..มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้ขยายผลไปยังพื้นที่อื่น  ให้ครอบคลุมมากขึ้น” เลขาธิการ คปภกล่าวในตอนท้าย