PQS ปิดฉากโรดโชว์ เตรียมขายไอพีโอ 170 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้า SET มุ่งสู่ผู้นำอุตสาหกรรมผลิตแป้งมันสำปะหลัง


 

บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช หรือ PQS ปิดฉากโรดโชว์ จ.ขอนแก่น และจบที่ กทม. อย่างยอดเยี่ยม พร้อมเตรียมเปิดขาย ไอพีโอ จำนวน 170 ล้านหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ปีนี้ ด้าน “สมยศ ชาญจึงถาวร” บอสใหญ่ ระบุ เพิ่มฐานทุนและความสามารถด้านการขยายการลงทุนใหม่ ขณะที่ “รัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร” พร้อมขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ขณะที่“เสกสรรค์ ธโนปจัย” ที่ปรึกษาทางการเงิน เผย นักลงทุนให้การตอบรับดีสะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมผลิตแป้งมันสำปะหลัง ส่วน “ธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์” ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ลั่นพื้นฐานแกร่งมีโอกาสเติบโตสูง 

 

นายสมยศ ชาญจึงถาวร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตแป้งมันสำปะหลังกว่า 20 ปี เปิดเผยว่า PQS มุ่งเป้าสู่ผู้นำอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมผลิตแป้งมันสำปะหลัง และการระดมทุนครั้งนี้ของ PQS จะสนับสนุนให้ฐานเงินทุนแข็งแกร่งขึ้น พร้อมเพิ่มความสามารถและโอกาสในการขยายการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม

ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบด้วย ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง (Native Starch), แป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) และแป้งแปรรูปอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งส่วนอุตสาหกรรมอาหาร (Food Grade) และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแปรรูปอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร (Industrial Grade) โดยจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) เพื่อใช้ในโรงงาน และจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้เป็นเงินลงทุน และใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนเติบโตของบริษัทฯ โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมผลิตแป้งมันสำปะหลัง ที่สำคัญคือมีโรงงานอยู่บนทำเลที่อุดมไปด้วยวัตถุดิบมันสำปะหลังคุณภาพจากเกษตรในพื้นที่ ส่งผลให้วัตถุดิบมีความสดใหม่อยู่เสมอ และทำให้สินค้าแป้งมันสำปะหลังที่ผลิตมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในระดับสากล รวมถึงระบบบริหารจัดการที่ดีไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ทำให้มีศักยภาพในการแข่งขัน สะท้อนถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตที่ยั่งยืน 

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในรอบ 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) มีรายได้รวม 1,255.70 ล้านบาท, 1,282.05 ล้านบาท และ 2,254.03 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 65.75 ล้านบาท, 82.09 ล้านบาท และ 313.82 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งเห็นได้ว่าผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางเดียวกันกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน PQS เปิดเผยว่า PQS ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในการจัดเดินสายนำเสนอข้อมูล (Roadshow) ให้แก่นักลงทุนใน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 และปิดท้ายในกรุงเทพมหานคร วันที่ 31 มกราคม 2566 โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเข้าฟังข้อมูลอย่างล้นหลาม

โดยนักลงทุนต่างให้ความสนใจสอบถามรายละเอียดข้อมูลการดำเนินธุรกิจ การต่อยอดธุรกิจ จากธุรกิจดั้งเดิมด้านการผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง ต่อยอดสู่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ รวมถึงข้อมูลด้านแผนการขยายธุรกิจ และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต บวกกับฐานะทางการเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในตัวธุรกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ PQS ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตแป้งมันสำปะหลังเป็นอย่างดี 

นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นPQS กล่าวว่า นักลงทุนให้ความสนใจในตัวบริษัท PQS เป็นอย่างมาก ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังที่มีโอกาสเติบโตสูง

ทั้งนี้ PQS มีความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯ โดยเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1บาท คิดเป็น 25.37% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ในกลุ่มอุตสาหกรรม เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม ภายในต้นปี 2566