EXIM BANK เผยผลการดำเนินงานปี 65 โตก้าวกระโดด กำไรกว่า 1,500 ลบ. ต่อเนื่อง 2 ปี ยอดคงค้างสินเชื่อ 168,331 ล้านบาท โต 10.18%, NPL 2.9% ชูนโยบาย BCG สร้างระบบนิเวศสีเขียวจากองค์กรสู่โลกในปี 66
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานปี 2565 และนโยบายปี 2566 ว่า ผลจากนโยบายและการดำเนินงานภายใต้บทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย” และบทบาทใหม่ของ EXIM BANK ที่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” มีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินและไม่ใช่การเงินอย่างครบวงจร เพื่อเสริมศักยภาพในการขยายการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทำให้การดำเนินงานของ EXIM BANK ในปี 2565 เติบโตระดับสองหลัก (Double Digit Growth) ในมิติต่าง ๆ ดังนี้
• ยอดคงค้างสินเชื่อ 168,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,558 ล้านบาท หรือ 10.18% จากปีก่อน เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี และสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2537 ทั้งนี้ อัตราการเติบโตดังกล่าวสูงกว่าระบบธนาคารถึง 2 เท่า
• วงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 94,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 19.21% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็น Double Digit Growth ทั้งในภาพรวม และเพิ่มขึ้นถึง 17.91% ในกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็น Double Digit Growth เช่นเดียวกัน
• ยอดคงค้างสินเชื่อที่สนับสนุนความยั่งยืน 47,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21.83% จากปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30% ของยอดคงค้างสินเชื่อทั้งหมด เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี
• ปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกัน 169,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 10.34% จากปีก่อน เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี และสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานเช่นเดียวกับด้านสินเชื่อ
• จำนวนลูกค้าทั้งด้านสินเชื่อและรับประกัน 6,102 ราย เพิ่มขึ้นสูงถึง 24.00% จากปีก่อนหน้า เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี อีกทั้งยังถือเป็นผลงานการเติบโตที่มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้กว่า 2 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 EXIM BANK ได้ช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงินแก่ผู้ประกอบการกว่า 21,000 ราย วงเงินรวมกว่า 90,000 ล้านบาท
• NPL Ratio เพียง 2.90% เป็นอัตราที่ต่ำกว่าเป้าหมายและต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ต่อเนื่อง 2 ปี และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 12,821 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 262.99%
จากความมุ่งมั่นในการดำเนินงานขยายธุรกิจ ส่งผลให้ EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.51% ถือเป็นการเติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี และมีกำไรสุทธิ 1,504 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่มากกว่า 1,500 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้จะมีการช่วยเหลือลูกค้าด้วยการตรึงดอกเบี้ย Prime Rate มานานกว่า 6 เดือน ต่อเนื่องถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 ก็ตาม
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า สำหรับปี 2566 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน ธนาคารโลกและ The Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี เป็นผลจากปัญหาเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้สูงสุดเพียง 2% หรือชะลอกว่า 2 เท่าจากปีก่อนหน้า อันเนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป ราคาสินค้าส่งออกเริ่มลดลง และเงินบาทผันผวนสูง ท่ามกลางปัจจัยท้าทายและความไม่แน่นอนในหลากหลายมิติ โอกาสจึงเป็นของผู้ที่กล้าเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีศักยภาพและเหมาะกับสินค้าและบริการของธุรกิจ โดย EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank) พร้อมทำหน้าที่ Miracle Maker พัฒนาธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีโลก ด้วยการส่งเสริมการบุกตลาดการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพและยกระดับสินค้าและบริการของไทยให้ได้มาตรฐานสากล โดยชูนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยทุกระดับมีความกล้าและความพร้อมที่จะเข้าสู่ Supply Chain การส่งออก การพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ที่มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ในการขับเคลื่อน BCG Economy EXIM BANK ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญอันดับแรกกับการดูแลเอาใจใส่พนักงาน จัดให้มีสวัสดิการยืดหยุ่นรองรับความต้องการของแต่ละบุคคลเพิ่มพูนความรู้โดยเฉพาะ Future Skills อันดับต่อมาคือ การดูแลบ้าน EXIM BANK ให้ดำเนินธุรกิจที่เสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจ BCG อย่างต่อเนื่องและครบวงจร คู่ขนานกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในมิติของการดูแลคนตัวเล็กในชุมชน โดยเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน ให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีความรู้ทางการเงินสำหรับเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Supply Chain การส่งออกไปเวทีโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน
“EXIM BANK กล้าคิดและกล้าทำเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ สามารถบุกตลาดใหม่ ๆ และนำเสนอสินค้าและบริการของไทยที่ตอบโจทย์เทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ สร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแพลนบีรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของโลก Next Normal โดย EXIM BANK จะสานพลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสีเขียว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์กล่าว