คปภ. ตรวจสอบพบเรือบรรทุกน้ำมัน (SMOOTH SEA 22) ทำประกันภัยตัวเรือ (Marine Hull Insurance) วงเงิน 60 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลพร้อมสั่งการให้สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่เกิดเหตุตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยเพื่อเยียวยาความสูญเสียแก่ครอบครัวผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ “SMOOTH SEA 22” หมายเลขIMO9870991 เกิดอุบัติเหตุระเบิดและเกิดเพลิงลุกไหม้ขณะจอดซ่อมบำรุงตามวงรอบข้อบังคับการตรวจเรือของกรมเจ้าท่า ภายในอู่ต่อเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ตำบลแหลมใหญ่อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 โดยเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 6 ราย ผู้บาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ซึ่งรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 ราย กลับบ้านได้แล้ว 2 ราย และมีผู้สูญหาย 3 ราย โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม สังกัดสำนักงาน คปภ.ภาค 7 (นครปฐม) จึงได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัยของเรือลำดังกล่าว พร้อมเร่งอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยให้กับผู้ประสบภัยและครอบครัว เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ว่า เรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ “SMOOTH SEA 22” หมายเลข IMO9870991 มีกรมธรรม์ประกันภัยตัวเรือ (Marine Hull Insurance) ทำไว้กับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 26 มีนาคม 2565 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 26 มีนาคม2566 ทุนประกันภัย 60,000,000 บาท นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า ผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีกรมธรรม์ประกันชีวิต ทุนประกันภัย 500,000 บาท สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแยกค่าใช้จ่ายความคุ้มครองจำนวน4,000 บาท สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพวงเงินแน่นอนความคุ้มครองจำนวน 3,000 บาท ทำไว้กับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
สำหรับการติดตามในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้บาดเจ็บที่ทำประกันภัยไว้นั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ได้ประสานงานไปยังบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบสิทธิและติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งจะเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาให้กับผู้ประสบภัยรายอื่น ๆ โดยเร็วที่สุด สำหรับสาเหตุการระเบิดและเกิดเพลิงไหม้บนเรือดังกล่าวนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้บูรณาการร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และส่วนราชการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดสมุทรสงคราม โดยผู้ว่าราขการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานจัดตั้งกองอำนวยการรวมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมใหญ่ เพื่อสำรวจความเสียหาย ติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และตรวจสอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมว่าผู้ประสบภัยในครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่นเพิ่มเติมก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ประสบภัยในครั้งนี้ และจะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้นการทำประกันภัยจึงเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในทุกมิติ จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ความสำคัญและหันมาทำประกันภัยกันให้มากขึ้น เพราะหากเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ระบบประกันภัยจะช่วยเหลือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ในส่วนของผู้ประกอบการเดินเรือ อู่ซ่อมเรือ ก็ควรทำประกันภัย ซี่งมีกรมธรรม์ประเภทต่าง ๆ ให้เลือกมากมายเพื่อบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงหรือผลกระทบต่อบุคคลภายนอกด้วย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยด้านประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย