EXIM BANK ชี้ทางรอดของผู้ประกอบการไทยคือ การปรับตัวรุกตลาดที่มีศักยภาพและมีความต้องการสินค้าไทย ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าตามเทรนด์โลกยุคใหม่ โดยใช้ EXIM BANK และกลไกของภาครัฐเป็นเครื่องมือพัฒนาธุรกิจสู่ตลาดโลกยุค Next Normal เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว 3.5% สวนทางเศรษฐกิจโลกที่น่าจะชะลอลงเหลือ 2.7% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยและการบริโภคของภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกอาจชะลอตัวลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ราว 3.5% สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าจะชะลอลงเหลือ 2.7% ต่ำสุดในรอบ 21 ปี (ไม่รวมปีที่เกิดวิกฤต) โดยไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาไทยมากกว่า 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน รวมถึงแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีตามการเพิ่มขึ้นของรายได้เกษตรกรและการจ้างงานในภาคบริการที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว
ขณะที่ภาคการส่งออกซึ่งเคยเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีแนวโน้มชะลอลง สะท้อนได้จากดัชนีชี้นำการส่งออกของไทย จัดทำโดย EXIM BANK (EXIM Index) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส คาดว่า การส่งออกของไทยทั้งปี 2566 จะขยายตัวเพียง 1-2% ชะลอลงจาก 7-8% ในปี 2565 โดยมีปัจจัยกดดันมาจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทั้งสหรัฐฯ และยุโรปที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) มากขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ขณะเดียวกัน ปัญหา Global Supply Chain Disruption แม้จะคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีต่อเนื่องยังคงจะกดดันการส่งออกไทยในระยะถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ทางรอดของผู้ประกอบการไทยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เพื่อคว้าโอกาสในตลาดที่ยังมีพื้นที่สำหรับสินค้าไทย ได้แก่
1. การรุกส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรก ปี 2565 การส่งออกของไทยไปตลาดดังกล่2. การส่งออกสินค้าที่เติมเต็มช่
3. การส่งออกสินค้าที่
ดร.รักษ์ กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมทำงานร่วมกับภาครั
“ปี 2566 ยังมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้ามากมาย แต่โอกาสใหม่ ๆ ก็แทรกตัวอยู่ในตลาดและสินค้าที่ไทยมีศักยภาพจะแข่งขันได้ EXIM BANK จึงพร้อมทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำและเครื่องมือทางการเงินครบวงจรที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจของไทยเข้มแข็งขึ้นตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงวิสาหกิจชุมชนและกิจการทุกระดับที่มีความฝันจะขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้นบนแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ต่าง ๆ หัวใจสำคัญคือ ความสามารถในการปรับตัวและก้าวทันโลกยุคใหม่โดยใช้กลไกและการสนับสนุนของภาครัฐ รวมถึง EXIM BANK ซึ่งมุ่งมั่นดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทยที่ ‘กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย’ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยและโลกในวันพรุ่งนี้ให้ดีและน่าอยู่กว่าเดิม” ดร.รักษ์ กล่าว