TU จับมือบริษัท เจลลาเจน สตาร์ทอัพ สัญชาติอังกฤษ ระดมทุนซีรีย์เอ จำนวนเงินระดมทุนทั้งสิ้น 8.7 ล้านปอนด์ เพื่อนำมาศึกษาพัฒนาคอลลาเจน จากแมงกะพรุน ต่อยอดธุรกิจในอนาคต เป็นผู้นำด้านจัดหาวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ ส่งผลต่อแนวโน้มกำไรปรับบวกมากขึ้น 15.7%
บมจ.ไทยยูเนี่ยน
กรุ๊ป (TU) ผู้นำด้านการผลิตอาหารทะเลระดับโลก ประกาศเข้าร่วมกับผู้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์รายอื่น
ๆ ในการลงทุนกับบริษัท เจลลาเจน บริษัทสตาร์ทอัพของประเทศอังกฤษ ในรอบการระดมทุนซีรีย์เอที่ทางเจลลาเจนได้ระดมเงินทั้งสิ้น 8.7
ล้านปอนด์ การลงทุนของไทยยูเนี่ยนในครั้งนี้เป็นการลงทุนผ่านกองทุน Venture Fund ของบริษัท
บริษัท เจลลาเจน เป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 เป็น ดำเนินธุรกิจทางด้านพัฒนาคอลลาเจนในรูปแบบของวัสดุชีวภาพจากแมงกะพรุน หรือ ศาสตร์การรักษาโรคต่างๆ ผ่านการเข้าไปฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกายโดยลงลึกไปถึงระดับเซลล์ ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์และวิธีการเพาะเลี้ยง การศึกษาเบื้องต้นจากเจลลาเจนพิสูจน์ได้ว่า คอลลาเจน ชนิด 0 ซึ่งมาจากแมงกระพรุน มีคุณสมบัติที่ดีกว่าคอลลาเจนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะในทางการรักษาและการแพทย์ การระดมทุนในรอบนี้จะถูกนำไปใช้ในการเร่งการพัฒนาทางการแพทย์ให้กับคอลลาเจน ชนิด 0 ตลอดจนวัสดุชีวภาพคอลลาเจนที่มีความยั่งยืน ที่จะถูกใช้ในการรักษาโรคทางผิวหนัง และเป็นวัสดุชีวภาพสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่
การลงทุนของไทยยูเนี่ยนครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการจัดหาวัตถุดิบ การผลิตและการนำไปใช้ในสินค้าที่ไทยยูเนี่ยนมีอยู่และสินค้าที่พัฒนาขึ้นในอนาคต
นายธีรพงศ์ จันศิริ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU กล่าวว่า
“ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเล
เราพยายามอย่างยิ่งในการยกระดับนวัตกรรมในธุรกิจและสินค้าของเรา
เจลลาเจนนั้นถือเป็นผู้นำในการวิจัยคอลลาเจนจากแมงกระพรุนและกำลังพัฒนาคอลลาเจนจากทะเล
ซึ่งจะได้นำมาใช้ในการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหาร และโภชนาการ ไทย ยูเนี่ยนหวังที่จะได้ร่วมงานทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา
รวมถึงโรงงานผลิตทั่วโลก”
การลงทุนในครั้งนี้เป็นการช่วยในการจัดการวัตถุดิบของเจลลาเจน
และขยายกำลังการผลิตในอนาคต รวมถึงการเป็นผู้เล่นใหญ่ในอุตสาหกรรมคอลลาเจนชนิด
0
จะช่วยให้เทคโนโลยีของเจลลาเจนเติบโตได้อีกมาก
TU ได้จัดตั้งกองทุน Venture Fund ในปี 2562
โดยมุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโปรตีนทางเลือก
สารอาหารเพื่อสุขภาพ และเทคโนโลยีชีวภาพ ตลอดจนห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจอาหาร
และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ โดยการลงทุนจะร่วมกับบริษัทต่าง ๆ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาให้สอดคล้องไปกับความมุ่งมั่นของบริษัท
ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรของท้องทะเล หรือ Healthy Living , Healthy
Ocean
บริษัทหลักทรัพย์
หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้คำแนะนำหุ้น TU โดยคาดว่า
บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในยุโรป สหรัฐ เนื่องจากสินค้ามีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
และราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับราคาอาหารชนิดอื่น
แต่บริษัทได้รับผลกระทบจากต้นทุนไฟฟ้าในยุโรปที่สูงขึ้น
ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มกำไรของ
TU และปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 และปี 2566 ขึ้น 15.7% และ 1.3% เป็น 7,047 ล้านบาท (-27%YoY) และ 7,541 ล้านบาท (+7%YoY) ตามลำดับ อิงวิธี SOTP
ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 23.50 บาท คำแนะนำ “ซื้อ”
คาดเบื้องต้นผู้ถือหุ้น TU จะได้สิทธิในการซื้อหุ้น ITC
ที่ราคา IPO สัดส่วน 36 หุ้น
TU ต่อ 1 หุ้น ITC