YLG มองเทคนิคทองคำพลิกสู่ขาขึ้น แม้อาจพักตัวเป็นระยะ
เปิด2ปัจจัยบวกเฟดขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง-ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองเพิ่ม115%
วายแอลจีชี้ ทองคำส่งสัญญาณพลิกเป็นขาขึ้นในระยะสั้น หลังทะลุผ่านเส้นแนวโน้มขาลงในระยะกลาง ทำ Triple Bottom บริเวณ 1,616-1,614 พร้อมเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเกือบทุกระยะ รับข่าวดี 2 ปัจจัย เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย และธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำเข้าพอร์ตเพิ่ม 115% จากไตรมาสก่อน ชี้ทองยืดหยุ่นแม้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น เหตุทองคำทรงตัวได้ดี YTD ปรับลดลงเพียง 3.6% น้อยกว่าสินทรัพย์อื่นๆ จับตาประชุมเฟดเดือนธ.ค. หากเฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลตลาดทองคำ - ตลาดฟิวเจอร์ส คึกคักอย่างต่อเนื่อง ส่วนระยะสั้นมองการเคลื่อนไหวในกรอบ
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกเริ่มกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้น หลังจากที่เคลื่อนไหวแกว่งตัวลงในช่วงก่อนหน้าโดยในเดือน ธ.ค.นี้ ได้มีการพลิกเทรนด์มาสู่สัญญาณขาขึ้น ราคาทองคำได้ขึ้นไปทะลุ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นมาของทองคำในครั้งนี้ถือว่าน่าจับตาเพราะเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่แถวๆ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก ซึ่งการปรับขึ้นของทองคำในรอบนี้นักวิเคราะห์ต่างประเทศได้คาดการณ์ว่าจะเป็นการปรับขึ้นในระยะยาว หลังทะลุผ่านเส้นแนวโน้มขาลงในระยะกลาง ทำ Triple Bottom บริเวณ 1,616-1,614 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของราคา พร้อมเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเกือบทุกระยะ
อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของทองคำในรอบนี้ มาจาก 2 ปัจจัยบวกสำคัญ ประกอบด้วย 1. การประกาศสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในการประชุมช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ลดลงจากครั้งก่อนที่ปรับขึ้น 0.75% นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะได้เห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรที่แบกรับมากขึ้น สำหรับปัจจัยที่ 2 คือ ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มสะสมทองคำ ล่าสุด สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 400 ตันในไตรมาสที่ 3 หรือเพิ่มขึ้น 115% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นการเข้าซื้อภายในไตรมาสเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่สภาทองคำโลก มีการเริ่มบันทึกของมูลในปี 2543 และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากสถิติก่อนหน้าที่ 241 ตันในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 นอกจากนี้ ยังถือเป็นการซื้อสุทธิเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน และทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางถือครองทองคำเพิ่ม 673 ตัน ซึ่งสูงกว่ายอดรวมทั้งปีของปีอื่นๆ นับตั้งแต่ปี 2510
นอกจากนี้ทองคำยังพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถว่าทรงตัวได้ดีในช่วงก่อนหน้านี้ที่เป็นช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมูลค่าทองคำปรับปรับลดลงเพียง 3.9% ในขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ เช่นหุ้น และสินทรัพย์ดิจิทัล ปรับลดลงในสัดส่วนที่มากกว่า ดังนั้นในอนาคตหากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดลง จึงมีความเป็นไปได้ที่ทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้นตามที่ตลาดคาด ทั้งนี้การที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลงดังกล่าวได้ส่งผลดีต่อทั้งตลาดทองคำและการลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์สให้คึกคักด้วยเช่นกัน ซึ่งตลาดนี้ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเพราะสามารถทำกำไรได้ในทั้งขาขึ้นและขาลง โดยปัจจุบัน YLG ได้เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ด้วยการร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้น แม้ทิศทางทองเป็นบวก อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนพ.ย. ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก จึงต้องระวังการพักตัวเพื่อสะสมกำลังเป็นระยะ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวในระยะสั้นบริเวณ 1,810-1,766 ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29,100-29,900 ที่สำคัญคือจะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า จึงต้องเน้นทำกำไรในระยะสั้น พร้อมติดตามข่าวสารประกอบการลงทุนอย่างใกล้ชิด