นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยมีจำนวนรายการที่ขอรับบริการภายในงานกว่า 6,000 รายการ”
การจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 2 จังหวัดขอนแก่น ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำในช่วงการกล่าวปาฐกถาเปิดงานว่า “งานมหกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขหนี้ครัวเรือน จึงขอให้ประชาชนที่ประสบปัญหาหันหน้าเข้าหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งที่ร่วมงานมหกรรมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาล”
ผลของการจัดงานมหกรรมประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยมีรายการที่ขอรับบริการภายในงานกว่า 6,000 รายการ ประกอบด้วยการขอรับคำปรึกษาด้านการเงินและแนวทางในการประกอบอาชีพ จำนวนมากที่สุดกว่า 2,000 รายการ ซึ่งสอดคล้องกับการจัดงานมหกรรมครั้งที่ 1 และสะท้อนให้เห็นถึงผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืนจากการที่ประชาชนสามารถพัฒนาอาชีพเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้และมีทักษะในการบริหารจัดการด้านการเงิน รองลงมา คือ การขอแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิมกว่า 1,500 รายการ การขอสินเชื่อเพิ่มเติมกว่า 1,000 รายการ และการเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อส่งเสริมการออม การตรวจข้อมูลเครดิต การแนะแนวอาชีพโดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่นการขอคำแนะนำจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่น การขาย NPA ของทั้งสถาบันการเงินและบริษัทเอกชน เป็นต้น ประมาณ 1,500 รายการ
ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนทำได้ต่อเนื่องและครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจึงมีแผนที่จะจัดงานครั้งต่อ ๆ ไป อีก 3 ครั้ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ดังนี้
ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 16 – 18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่
ครั้งที่ 4 จังหวัดชลบุรี วันที่ 20 – 22 มกราคม 2566 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน
ครั้งที่ 5 จังหวัดสงขลา วันที่ 27 – 29 มกราคม 2566 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นอกจากการจัดงานมหกรรมสัญจรแล้ว กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยยังจัดให้มีการลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 130,000 ราย คิดเป็นจำนวนรายการสะสมมากกว่า 300,000 รายการประกอบด้วย ลูกหนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลร้อยละ 37 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 18 ภาคกลางร้อยละ 12 และภาคอื่น ๆ ร้อยละ 33 ของลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด และประเภทสินเชื่อที่มีการลงทะเบียนสูงสุด คือ บัตรเครติดและสินเชื่อส่วนบุคคลร้อยละ 77 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ร้อยละ 7 และจำนำทะเบียนรถร้อยละ 4
สำหรับการลงทะเบียนเพื่อแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เพิ่มความช่วยเหลือให้กับลูกหนี้ใน 2 เรื่อง คือ
(1) เพิ่มประเภทสินเชื่อที่เข้าร่วมงานมหกรรมออนไลน์ ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ค้างชำระตั้งแต่ 31 วันขึ้นไป ก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่ค้างชำระหนี้ตั้งแต่ 31 วันขึ้นไป ก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2565 เช่นกัน
(2) ขยายระยะเวลาลงทะเบียนออนไลน์จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน2565 เพื่อขยายโอกาสให้ลูกหนี้สามารถลงทะเบียนมากขึ้นและสอดคล้องกับระยะเวลาในการจัดงานมหกรรมสัญจรในต่างจังหวัด
ดังนั้น ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานมหกรรมสัญจรได้ทางเว็บไซต์https://ln15.gsb.or.th/WEB-DEBT หรือ Scan QR Code ท้ายแถลงข่าว หรือแจ้งความประสงค์เข้าร่วมงานได้ที่หน้างานมหกรรม และสามารถลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/DebtFair หรือ Scan QR Code ท้ายแถลงข่าว
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ขอเชิญชวนประชาชนหรือผู้ประกอบการที่สนใจให้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ได้ทั้งระบบออนไลน์ หรือเข้าร่วมงานมหกรรมสัญจรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 3 ครั้ง ในเดือนธันวาคม 2565 และมกราคม 2566 โดยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 16 – 18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ หรือสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากสาขาของสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศได้เช่นกัน”