WHA Group” ท็อปฟอร์ม 9 เดือน โตตามนัดโชว์กำไรปกติ 1,325.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.7%
ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาทต่อหุ้น
Q4 จ่อบุ๊กรายได้จากการโอนที่ดินล็อตใหญ่และการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ - ตอกย้ำทั้งปี “ออลไทม์ไฮ”
กรุงเทพ - บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA Group) แจ้งงบผลการดำเนินงานงวด 9เดือนแรกปี 2565 ท็อปฟอร์ม มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 6,570.0 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,204.3 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 6,669.3 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติ 1,325.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.7% (Y-Y) ล่าสุดบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวด 9 เดือน หุ้นละ 0.0669 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 25 พ.ย. โดยมีกำหนดการจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 ธ.ค. นี้ ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” เดินหน้าตอกย้ำผลการดำเนินงานทั้งปี “ออลไทม์ไฮ” ตามคาด ระบุ ไตรมาส 4 ส่อแววพีค จากการรับรู้รายได้จากการโอนที่ดินล็อตใหญ่ และรายได้การขายสินทรัพย์เข้า 2 กองทรัสต์ พร้อมประกาศศักยภาพความแข็งแกร่งของ WHA Group หลังคว้า 3 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวที SET Awards 2022 และติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน 3 ปีซ้อน
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3/2565 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรและกำไรสุทธิ ทั้งสิ้น 2,201.0 ล้านบาท และ 258.6 ล้านบาท ตามลำดับ โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,265.9 ล้านบาท และกำไรปกติ 333.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.8 % และ 45.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2564
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 6,570.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,240.3 ล้านบาท โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 6,669.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.3% และกำไรปกติ 1,325.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือน ปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 9 ธันวาคม 2565
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)“WHA Group” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้เป็นผลจากการขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ที่มีการเติบโตสอดรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ส่งผลให้ภาคการลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจของ WHA Group ที่สะท้อนถึงผลประกอบการของ 4 กลุ่มธุรกิจ
ธุรกิจโลจิสติกส์ มีผลงานการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น จากอานิสงส์การเปิดประเทศที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสภาวะการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทฯได้มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน / คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวม 137,952 ตารางเมตร ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงรวม 113,955 ตารางเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 100,000ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,715,831 ตารางเมตร และมีความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของบริษัทฯ โดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 94 สำหรับไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 263.3ล้านบาท และ 776.1 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มีโครงการที่เตรียมส่งมอบอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการคลังสินค้าใหม่รวมพื้นที่กว่า 51,000 ตารางเมตร รวมทั้งการเปิดตัวคลังสินค้าดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ใหม่อีก 2 โครงการย่านบางนา-ตราด กม. 18 และบางนา-ตราด กม. 23 รวมถึงพื้นที่ส่วนต่อขยายของโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 (WHA Mega Logistics Center Theparak KM. 21) รวมพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 420,000 ตร.ม.
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าศึกษาเทคโนโลยี และนวัตกรรมอัจฉริยะใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการร่วมมือกับธุรกิจสตาร์ทอัพ ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับและสร้างความหลากหลายในการให้บริการแก่ลูกค้า และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านของผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุน ได้แก่ คลังสินค้าอัจฉริยะ เป็นการนำเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้กับคลังสินค้าของดับบลิวเอชเอ นอกจากนั้นบริษัท ดับบลิวเอชเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WHAVH ได้เข้าลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพชั้นนำ อาทิ บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (Storage Asia) บริษัท จิซทิกซ์ จำกัด(Giztix) บริษัท เมอร์คูลาร์ จำกัด (Mercular) และ บริษัท มั่งมี อีคอมเมิร์ซ จำกัด สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซ B2B ที่มุ่งปฏิวัติการค้าแบบดั้งเดิมของไทยให้ทันสมัยด้วยการใช้เทคโนโลยี และข้อมูลแบบบูรณาการเพื่อปรับระบบการทำงานของร้านค้าปลีก (โชห่วย) ให้เป็นรูปแบบดิจิทัล นับเป็นการขยายการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อผสานความร่วมมือและกิจกรรมทางธุรกิจเข้ากับระบบนิเวศโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับการให้บริการเป็นรูปแบบดิจิทัลทั้งในส่วนของคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าระดับพรีเมียม
นอกจากนี้ WHA Group ยังมีอาคารสำนักงานให้เช่าระดับเวิลด์คลาส 6 แห่ง ในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ รวมพื้นที่ 100,000 ตร.ม. รวมถึงดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทฯ ย่านบางนา และ WHA KW S25 โครงการสำนักงานล่าสุด ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2566
สำหรับแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจำหน่ายทรัพย์สินคิดเป็นพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 208,149 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 5,397 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2565 นี้
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยหลังประกาศปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินสำหรับปี 2565 เป็น 1,650 ไร่ พร้อมเร่งขยายธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 1,512 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 1,412 ไร่ประเทศเวียดนาม 100 ไร่ และยังมียอด MOU รวม 178 ไร่ แบ่งเป็นประเทศไทย 61 ไร่ ประเทศเวียดนาม 117 ไร่ ส่งผลให้ไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 961.3 ล้านบาท และ 2,359.3 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยในไตรมาส 3 ปี 2565 ได้ประกาศบิ๊กเซอร์ไพรส์ ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินครั้งใหญ่กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ “บีวายดี” จำนวน 600 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 นิคมฯแห่งที่ 11 ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ของ WHA Group สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสนับสนุนโครงการ EEC เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve Industry) โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่เข้ามาลงทุนในประเทศ เพื่อสนับสนุนโยบายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ มีอีโคซิสเต็มที่ครบครันและพร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่เพียงเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
ขณะที่ยอดขายที่ดินรอโอน (Backlog) ในไตรมาส 3 ปี 2565 มีกว่า 1,300 ไร่ ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถทยอยโอนที่ดินส่วนหนึ่งได้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 และคาดว่าจะทยอยโอนที่ดินในส่วนที่เหลือทั้งหมดได้ภายในปี 2566 สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนและการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่อุตสาหกรรมพร้อมขายกว่า 4,250 ไร่ นอกจากนี้การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีพื้นที่ทั้งหมด 1,281 ไร่ ในขณะที่การก่อสร้างพื้นที่ส่วนขยายของนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 4 (WHA ESIE 4) ขนาด 573 ไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 และได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHA IER) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา