บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง
และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานชั้นนำของประเทศ ประกาศราคาขายหุ้น IPO ที่ 5.55 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดจองหุ้นให้ให้ผู้ถือหุ้นของ
บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นจองซื้อหุ้น
IPO ในวันที่ 17-21 ตุลาคมนี้
จากนั้นจะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 21
และ 25-26 ตุลาคมนี้
และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
AAI มีทุนจดทะเบียน 2,125 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)อยู่ที่หุ้นละ 1 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 637.5 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน425 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 212.5 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้
บริษัทได้วางเป้าหมายเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกที่ได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยแบ่งเป็น
1. กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) ตั้งเป้าเป็นผู้รับจ้างผลิตที่ครอบคลุมทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด การพัฒนาด้านงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
2. กลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) ตั้งเป้าเป็นผู้รับจ้างผลิตอาหารในบรรจุภัณฑ์ปิดผนึก ทั้งในแบบกระป๋อง แบบถุงปิดสุญญากาศ (Pouch) และแบบบรรจุถ้วยพลาสติก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปลาทูน่าเป็นวัตถุดิบหลัก
สำหรับแผนการลงทุนการในการระดมทุนครั้งนี้เป็นโครงการที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2565-2568 ได้แก่
1)โครงการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในประเทศไทย
2)โครงการลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 มีแผนสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติ (Auto Warehouse)
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ AAI แบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) สำหรับสุนัขและแมว ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด ภายใต้เครื่องหมายการค้าแบรนด์มองชู (monchou) และแบรนด์มาเรีย (Maria) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดพรีเมียม แบรนด์มองชู บาลานซ์ (monchou balanced) แบรนด์ฮาจิโกะ (Hajiko) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดมวลชน และแบรนด์โปร (Pro) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก
2. ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าในน้ำปรุงรสและซอสปรุงรส
รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกพร้อมทาน (Ready-to-eat) ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้าทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ (By-product) จากการแปรรูปปลาทูน่า
เช่น ผลิตภัณฑ์ปลาป่น ผลิตภัณฑ์น้ำนึ่งปลา และผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาเป็นต้น
บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บริษัท Flagship ด้านการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มไทยยูเนี่ยน (TU) ที่เตรียมขายหุ้น IPO เข้าระดมทุนใน SET หลังความต้องการในตลาดพุ่งสูงขึ้น จากเหตุการณ์โควิดระบาด ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้มีการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นนายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตโดย บริษัทฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ร้อยละ 18.7 ของกำลังการผลิตรวม และคาดว่าการก่อสร้างโรงงานใหม่ดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2566 และมีแผนก่อสร้างคลังสินค้าที่ใช้ระบบอัตโนมัติที่โรงงานที่จังหวัดสงขลาที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ คาดว่าการก่อสร้างคลังสินค้าดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2567
ทั้งนี้ ยังจะปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติ และระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ (Automate Warehousing and Labelling System) รวมถึงการจ่ายคืนหนี้ ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ITC ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มไทยยูเนี่ยน หรือ TU นับได้ว่าเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของเอเชีย และอยู่ใน 10 อันดับของโลก และเป็นผู้ผลิต OEM อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก ITC อยู่อันดับ 4 ของโลก
นายพิชิตชัย ได้กล่าวว่า “ITC มีข้อได้เปรียบผู้ผลิตอื่น ๆ เรื่องต้นทุนวัตถุดิบพราะ ITC อยู่ในเครือไทยยูเนี่ยน หรือ TU ที่มีบริษัทผลิตกระป๋อง
มีบริษัทผลิตฉลากเองและมีวัตถุดิบอย่างปลาทูน่า จาก TU รวมถึงการเน้นผลิตสินค้าพรีเมี่ยม ส่งผลให้เน็ทมาร์จิ้นสูง”
ทั้งนี้ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เพื่อรองรับการพัฒนาและขยายกิจการในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่พบว่าผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น หันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ทำให้ยอดพุ่งอย่างชัดเจน