ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) สะท้อนมุมมองว่าธนาคารกลางสหรัฐต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในระดับเป้าหมายภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนเอง ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องจะส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะผลต่อสภาพคล่องและภาวะการเงินที่จะตึงตัว ต้นทุนการกู้ยืม ทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลง ซึ่งกระทบการฟื้นตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่พึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยวทำให้ต้องหันมาพึ่งการใช้จ่ายและมาตรการกระตุ้นภายในประเทศมากขึ้น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ค่าเงินในภูมิภาค ASEAN รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องแต่ใน 9 เดือนแรกปี 2565 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นไทยทั้งค่อนข้างมาก และ SET Index ยังมีความผันผวนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นอื่น ๆ แม้ว่าความไม่แน่นอนจากผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเร่งตัวขึ้น
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
• ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 SET Index ปิดที่ 1,589.51 จุด ปรับลดลง 3.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลงไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงอยู่ที่4.1%
• SET Index ใน 9 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มทรัพยากร
• ในเดือนกันยายน 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 75,090 ล้านบาท ลดลง 25.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 9 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 81,816 ล้านบาท โดย ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 24,279 ล้านบาท ทำให้ใน 9 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 146,465 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
• ในเดือนกันยายน 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เจริญอุตสาหกรรม(CH) บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BAREIT) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2565 อยู่ยังในระดับต้น ๆ ของเอเชีย
• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 11.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.1 เท่า
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ระดับ 2.90% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.30%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
• ในเดือนกันยายน 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 677,673 สัญญาเพิ่มขึ้น 36.5% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และในช่วง 9 เดือนแรกของปี2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 564,624 สัญญา เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน