เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา บริษัท Gulf Energy USA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามทำสัญญาซื้อขายหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติกับกลุ่ม J-POWER ซึ่งมีกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ โดยเข้าซื้อหุ้นใน Jackson Generationในสัดส่วน 49% มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการชำระหุ้นและโอนหุ้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2565

    สำหรับโครงการ Jackson เป็นโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ตั้งอยู่ในเขตวิลล์ รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม(Combined-Cycle Gas Turbine) ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าให้กับโครงข่ายระหว่างเพนซิลวาเนีย-นิวเจอร์ซีย์-แมริแอนด์ (Pennsylvania-New Jersey-Maryland Interconnection: PJM) ภายใต้ตลาดซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรี (Merchant Market)

    การลงทุนในกลุ่ม Jackson ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Gulf ในการเข้าสู่ตลาดพลังงานในสหรัฐอเมริกา Gulf เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าธรรมชาติ จะสามารถนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญมาช่วยกันบริหารจัดการโครงการ Jackson ร่วมกับ J-Power การลงทุนดังกล่าวจะเป็นการช่วยยกระดับความมั่นคงด้านพลังงาน ด้วยการผลิตไฟฟ้าที่มีความเสถียรและต้นทุนต่ำในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

มุมมองนักวิเคราะห์

    บล.แลนด์แอนด์เฮาส์ มองว่า การเข้าซื้อหุ้น 49% Gulf ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ที่สหรัฐ ของ Gulf ถือเป็นดีลที่โดดเด่นทั้งการได้โรงไฟฟ้าใหม่ ที่เพิ่ง COD ด้วยต้นทุนต่ำในตลาดที่มีศักยภาพ ทำให้มีอัตราผลตอบแทนที่ดี และ Gulf ยังมีแผนขยายธุรกิจในสหรัฐ ทั้ง Renewable และโครงสร้างพื้นฐาน  แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” จากพัฒนาการทางธุรกิจที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในอนาคต

            บล.เคจีโอ มองบวกกับการเข้าลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการใหญ่โครงการแรกที่ Gulf เข้าไปลงทุนในปีนี้ ได้ปรับเพิ่มกำไรปี 2565 ขึ้นอีก 3-5% ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิในปี 2565-2567 จะโตถึง 28% และคาดว่าผลการดำเนินงานของ Gulf ในครึ่งปีหลังจะออกมาได้น่าประทับใจ แนะนำให้ “ซื้อ”

            บล.พาย มองว่า การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าในกลุ่ม Jackson Generation ของ Gulf ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 11% ภายในปี 2566  มีการคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรที่ 31% จากปีก่อน จากการรับรู้กำไรเต็มปีจากกำลังการผลิต 1.5 GWe แนะนำ “ซื้อ”

            บล.คาโอ  มีมุมมองเป็นกลางต่อ Gulf จาก

    1) ธุรกิจ Digital Asset Exchange  ที่ร่วมกับ Binance ยังอยู่ระหว่างการหารือกับ ก.ล.ต. คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปี 2562

    2) Data Center ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 และจะสามารถเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 2567

    3) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีกำลังการผลิต 30% ของพอร์ตรวม

    4) ผู้บริหารมองว่าผลประกอบการโตจากปีก่อน

    5) อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการขนาดใหญ่ 2-3 โครงการเพิ่มเติม และประมาณกำไรปี 2565 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 59% แนะนำ “ซื้อ”