SET สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนสิงหาคม 2565

ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในงาน Jackson Hole Symposium ที่ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปจนกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะผ่อนคลาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเร่งตัวขึ้นหลังการแถลงสุนทรพจน์ดังกล่าว และส่งผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินทรัพย์ทั่วโลก

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ใน 8 เดือนแรกปี 2565 แม้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศ แต่ SET Index มีความผันผวนน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักอื่นๆ สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ อีกทั้งผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตดี โดยเฉพาะในไตรมาส 2/2565 ที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีกำไรสุทธิรวม 3.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ Historical และ Forward PE ratio ของ SET Index ยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง บจมีโอกาสเพิ่มอัตราจ่ายปันผลสูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงาน อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกการจำกัดอัตราจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ทำให้อัตราการจ่ายปันผลในอนาคตมีแนวโน้มดีขึ้น

สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย  สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 SET Index ปิดที่ 1,638.93 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 4.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 1.1%

• SET Index ใน 8 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร

• ในเดือนสิงหาคม 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 75,205 ล้านบาท ลดลง18.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ใน 8 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่82,747 ล้านบาท โดย  ผู้ลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิถึง 57,014 ล้านบาท ทำให้ใน 8 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 170,744 ล้านบาท อีกทั้งผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

• ในเดือนสิงหาคม 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจท่าฉาง กรีนเอ็นเนอร์ยี่ (TGE) และใน mai 1 บริษัท ได้แก่ บมจยงคอนกรีต (YONG) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้นIPO ของไทยปี 2565 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเซีย

• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย  สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 15.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.2 เท่า

• อัตราเงินปันผลตอบแทน  สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 2.78% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.00%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เดือนสิงหาคม 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 496,575 สัญญา เพิ่มขึ้น 6.7% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 548,981 สัญญา เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ  กล่าวเพิ่มเติม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นในศักยภาพ ระบบเศรษฐกิจไทย หนี้สาธารณะอยู่ในสัดส่วนต่ำ เรายังพึ่งพาตนเองได้ด้านเกษตร การบริโภค การส่งออก ภาคการผลิตเติบโต และบริษัทจดทะเบียนในไทยก็ขยายการเติบโต ส่งผลให้รายได้โตต่อเนื่องเทียบกับตลาดทุนประเทศอื่น ของไทยยังน่าสนใจมาก และยังมีด้านบริการ นักท่องเที่ยวที่ทยอยเข้ามาหลังจากที่ไทยเปิดประเทศ นอกจากนี้ยังฝากเตือนนักลงทุนกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ พิจารณาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งจากตนเองและบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ