MRC พาสมาชิก สื่อมวลชน เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี พิสูจน์ความโปร่งใส ไม่กักน้ำ/ตะกอน ไม่ได้เป็นสาเหตุภัยแล้ง
ดร.อนุลัก กิตติคุน หัวหน้าห้องการกองเลขาคณะเลขาธิการลุ่มแม่น้ำโขงสากลและหัวหน้ายุทธศาสตร์และการร่วมมือประจำกองเลขา สำนักงานคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC : Mekong River Commission) นำคณะสมาชิกจากประเทศสมาชิก MRC เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและบ่อแร่แห่ง สปป. ลาว นักวิชาการสิ่งแวดล้อม และสื่อมวลชนจากหลายประเทศ จำนวน50 คน เพื่อเข้าเยี่ยมชม และร่วมสังเกตการณ์การบริหารจัดการและการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ที่เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ ทางผู้บริหารโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ให้การต้อนรับพร้อมบรรยายถึงรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบฝายน้ำล้น (Run-of-River) ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการก่อสร้าง การบริหารโรงไฟฟ้าโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโรงไฟฟ้าพลังน้ำในแบบฝายน้ำล้น การระบายตะกอน ระบบทางปลาผ่านแบบผสม (Multi-System Fish Passing Facilities) และช่องทางเดินเรือ (Navigation Lock) ที่ผู้บริหารโรงไฟฟ้าให้ความสำคัญโดยใช้งบประมาณลงทุนเพิ่มเติมถึง 19,400 ล้านบาท การบริหารโยกย้ายประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โครงการก่อนก่อสร้าง โดยจัดสรรชุมชน พร้อมระบบสาธารณูปโภคที่ครบวงจร นอกจากนี้ ยังได้บรรยายถึงที่การบริหารโรงไฟฟ้า เพื่อยืนยัน พิสูจน์ว่าโรงไฟฟ้าไซยะบุรีไม่ได้กักน้ำและทำให้มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำโขงทางด้านท้ายน้ำ และไม่ได้เป็นต้นเหตุของภัยแล้งในขณะนี้แต่อย่างใด อีกทั้งไม่มีการกักตะกอน การผลิตไฟฟ้าไม่ได้ส่งผลทำให้แม่น้ำโขงเปลี่ยนสี เนื่องจากแม่น้ำโขงมักจะเป็นสีฟ้าเขียวช่วงหน้าแล้ง และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลช่วงหน้าน้ำหลากจากการที่ปริมาณน้ำจำนวนมากในแม่น้ำสาขานำพาตะกอนและดินจำนวนมากลงสู่แม่น้ำโขงเป็นปกติประจำทุกปีอยู่แล้ว ทั้งนี้ภัยแล้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในแม่น้ำโขงเท่านั้นแต่ยังเกิดในภูมิภาคอื่นของ สปป. ลาวและไทยอีกด้วย ผู้บริหารโรงไฟฟ้าไซยะบุรีคาดว่าตามข้อมูลทางสถิติ ฤดูฝนในปีนี้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงน่าจะมีปริมาณใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปีปกติ
ข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี (XHPP : Xayaburi Hydroelectric Power Plant)
เป็นโครงการของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน สปป.ลาว มีทุนจดทะเบียน 790,000,000 เหรียญสหรัฐ โดยมีผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) (CK Power Public Company Limited) 37.5% บริษัท นที ซินเนอร์ยี่ จำกัด (Natee Synergy Company Limited) 25% บริษัท ผลิตไฟฟ้าลาว มหาชน (EdL-Generation Public Company) 20% บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (Electricity Generating Company Limited) 12.50% และ บริษัทพีที จำกัด (ผู้เดียว) (PT Sole Company Limited) 5%
ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower : บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ3 ประเภท จำนวน 13 โครงการ รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ และมีกำหนดเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 4 ปี 2562 นี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการ ภายใต้บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์