GULF และ AIS ร่วมลงนาม MOU ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์สถานีฐานและ เสาส่งสัญญาณทั่วประเทศกว่า 100 MW

GULF และ AIS ร่วมลงนาม MOU ติดตั้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์สถานีฐานและ
เสาส่งสัญญาณทั่วประเทกว่า 100 MW 
พื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งสองบริษัท

ริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอรจี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเนทเวิร์ค จำกัด ในเครือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ AIS ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understandingเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพี่อร่วมวางแผนพัฒนาโครงการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับสถานีฐานและเสาส่งสัญญาเครือข่าย AIS ทั่วประเทศ ตั้งเป้าติดตั้งให้ครบทั้ง 30,000 แห่ง ภายใน 3-5 ปี ซึ่งคิดเป็นกำลังผลิตติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งสิ้นกว่า 100เมกะวัตต์ ตอบโจทย์เป้าหมายพัฒนาสู่ความยั่งยืนของทั้ง AIS และ GULF อีกทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้กับทั้งสองกลุ่มบริษัทอีกด้วย 



 

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS ล่าวว่า “สำหรับ AIS นโยบายการพัฒนาด้านความยั่งยืนเป็นภารกิจของทุกคนในองค์กรที่มีส่วนร่วมภายใต้บทบาทความรับผิดชอบในแต่ละส่วนงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการโครงข่ายและบริการดิจิทัลที่เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมกันนี้เราเองก็ยังยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ (Economy) การสร้างดิจิทัลเพื่อสังคม (Social) หรือแม้แต่การยืนหยัดเพื่อสิ่งแวดล้อม (Environment) ซึ่งเรามีแผนการทำงานที่ชัดเจนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การติดตั้งอุปกรณ์สถานีฐานที่สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายเทคโนโลยีทั้ง 345และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้า ขยายระบบ Virtual Machine Server ที่ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้กับ GULF ที่มีความพร้อมด้านธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเราในการวางแผนการเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกให้ได้มากที่สุด ด้วยการ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บริเวณสถานีฐาน ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และชุมสายสถานีฐาน  โดยที่ผ่านมา AIS ได้ดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์บนสถานีฐาน ศููนย์ข้อมููลคอมพิวเตอร์และอาคารชุมสายไปแล้ว 5,561 สถานี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 8,139 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) และจากความร่วมมือครั้งนี้เรามีแผนที่จะติดตั้งให้ครบทั้ง 30,000 สถานี ภายใน 3-5 ปี อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการหาพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแหล่งอื่น นอกเหนือจากโครงการโซลาร์สถานีฐาน เพื่อเร่งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เกิดขึ้นตามแผนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ AIS ต่อไป”  

 

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า ด้วย GULF เล็งเห็นถึงบทบาทอันสำคัญของพลังงานหมุนเวียนในการขับเคลื่อนสังคมที่ยั่งยืนในอนาคต จึงได้ประกาศนโยบายไม่ลงทุนถ่านหิน (No Coal Policy) อีกทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้เกิน 30% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวมภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ปัจจุบัน GULF ได้ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศแล้วทั้งสิ้นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ และยังคงเพิ่มการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องในอีก 5-10 ปีข้างหน้า การลงนามความร่วมมือระหว่าง GULF และ AIS ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองบริษัทจะประสานความร่วมมือด้านพลังงานดย GULF จะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยวางแผนโครงการให้กับ AIS โดยรูปแบบโครงการจะรวมไปถึงสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Private PPA) ซึ่ง GULF เป็นผู้ผลิต และ AIS เป็นผู้รับซื้อพลังงานสะอาดแทนการลงทุนเอง เพื่อให้ AIS ได้ใช้ทั้งพลังงานสะอาดและลดต้นทุนค่าพลังงานซึ่งนับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและตอบโจทย์ความยั่งยืนให้กับทั้งสองบริษัท โดยหากโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ AIS จะมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เฉพาะจากโครงการนี้กว่า 100 เมกะวัตต์อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 56,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี ขณะที่ GULF สามารถขยายกำลังการผลิตพลังงานสะอาจากโครงการดังกล่าวด้วยเช่นกัน