นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยถึงผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2565 มีรายได้รวม 5,389 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น 31.0% และมีกำไรสุทธิที่ 430 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสามารถรักษาสถานะทางการเงินได้เป็นอย่างดี
โดยมีอัตราหนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนต่ำ ที่ 0.39 เท่า ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ยอดขายอยู่ที่ 6,342 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 19% และยอดโอนรวม 5,101 ล้านบาท ทำอัตรากำไรคันต้นได้ดีขึ้น 32.4% และรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 527 ล้านบาท เปิดโครงการในครึ่งปีแรก 8 โครงการมูลค่ารวม 3627 ล้านบาท และจากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาจึงได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท สำหรับในครึ่งปีหลัง 2565 มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 23 โครงการแบ่งเป็น โครงการทาวน์เฮ้าส์ 15 โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท
โดยพฤกษามุ่งดำเนินงานเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวคิด “พฤกษา…ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต Tomorrow Reimagined” ให้ความสำคัญต่อ 3 แกนหลักที่เปลี่ยนแปลงตามเมกะเทรนด์โลก โดยวางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นโมเดลธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ล่าสุด ได้จับมือร่วมกับ บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด” สัดส่วนการถือหุ้น 50:50 ความร่วมมือกับกันกุลเอ็นจิเนียริ่งในครั้งนี้ ถือเป็น การต่อยอดและสร้างจุดแข็งใหม่สำหรับโครงการของพฤกษา โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้ง Solar Roof และการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ มีผลตอบแทนส่วนรถค่าไฟในระยะยาวเพื่อช่วยลูกค้าลดเงินลงทุน และได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยมีการคิดค่าไฟที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าได้ด้วย
ในแง่พันธกิจว่าด้วยเรื่องสุขภาพ นายอุเทน เผยว่า โรงพยาบาลวิมุตผ่านการรับรองคุณภาพจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) HA ขั้นที่ 2 โดยในไตรมาส 2 ปี 2565 มีรายได้ส่วนโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน 203 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 26% นอกเหนือจากการบริการในโรงพยาบาลที่ได้ทีมแพทย์และเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางเพิ่มขึ้นหลายศูนย์
วิมุตยังขยายการบริการไปนอกโรงพยาบาล เพื่อช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพของคนไทย โดยใช้เงินทุน 90 ล้านบาทในการสร้างศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ “วิมุต เวลเนส” แห่งแรก เปิดให้บริการตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป ด้วยแนวคิด “ อยู่ดี มีสุข”
พฤกษาจึงได้นำ วิมุตเวลเนส มาร่วมในการพัฒนาพฤกษา อเวนิว บางนาวงแหวน พัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่การออกแบบบ้านให้เป็นบ้านเพื่อสุขภาพสำหรับทุกวัยไปจนถึง ให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้านโดยแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งบริการผ่านระบบออนไลน์เพื่อจะสร้างโครงการให้เป็นชุมชนสุขภาพ อย่างครบวงจรแห่งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์
วิมุต เวลเนสแห่งนี้ ให้บริการในรูปแบบโรงพยาบาลกายภาพบำบัด บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป เจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน กายภาพบำบัด ธาราบำบัด มีบริการดูแลผู้สูงอายุ รายวัน/รายสัปดาห์/รายเดือน โดยทีมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว แพทย์โรคหัวใจ และสหสาขาวิชาชีพ 24 ชั่วโมง ถือเป็นการลงทุนต่อยอดบริการด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์การเข้าถึงบริการสุขภาพตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการและชุมชนใกล้เคียงอุ่นใจ เพราะมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้แค่เอื้อม เป็นอีกหนึ่งสเต็ปที่เข้ามาเติมเต็มในโมเดลการพัฒนาบ้านสุขภาพดีของพฤกษาที่มุมภาษาอความแข็งแกร่งจากสองธุรกิจ ได้แก่ เรียลเอสเตท และ เฮลท์แคร์
ด้านเทรนด์การอยู่อาศัยภายใต้ไลฟ์สไตล์ใหม่ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนอย่างเห็นได้ชัด พฤกษาจึงให้ความสำคัญกับพัดทักกิจด้านนวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตและการมีสุขภาพที่ดี ที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพไทยด้าน Prop Tech และ Health Tech ผ่านโครงการการลงทุนในกิจจะการสตาร์ทอัพโดย ในครึ่งปีแรกได้ลงทุนใน “Naluri (นัลลูรี่)” ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพดิจิทัล เฮลท์เทคจากมาเลเซีย และ “AMILI” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในระบบทางเดินอาหารที่มีความแม่นยำแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสิงคโปร์
ทั้งหมดนี้คือการดำเนินงานของกลุ่มพฤกษาที่เน้นการขยายโอกาสในธุรกิจใหม่โดยใช้กลยุทธ์การผนึก พลังรวมกับพันธมิตรภายในและภายนอก ก่อเกิดการต่อยอดธุรกิจและบริการใหม่ที่สามารถส่งเสริมการใช้ชีวิตและพัฒนาคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับคนไทยทุกคน