KKP เตือนเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ ‘จักรวาลคู่ขนาน’ สถานการณ์เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย และโลกาภิวัตน์เปลี่ยนโฉมสิ้นเชิง
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (Dr. Pipat Luengnaruemitchai, Chief Economist, KKP Research, Kiatnakin Phatra Securities Public Company Limited) กล่าวว่า สถานการณ์แวดล้อมด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา เปลี่ยนไปอย่างมาก จนอาจเปรียบเทียบได้กับการเข้าไปในอีกจักรวาลคู่ขนาน ไม่ว่าจะเป็นกระแสโลกาภิวัตน์ที่กำลังเปลี่ยนไป ความขัดแย้งด้านการเมืองระหว่างประเทศที่มีมากขึ้นจนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานโลกการเปลี่ยนผ่านจากภาวะเงินเฟ้อต่ำสู่ภาวะเงินเฟ้อสูง และภาวะดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งนับเป็นความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับปีนี้ KKP Research ประเมินว่าเศรษฐกิจกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ โดยคาดว่า GDP จะเติบโตได้ 3.3% จากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การขยายตัวของการส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก การท่องเที่ยวที่กลับมามากกว่าที่คาด และรายได้ภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย มีความน่ากังวลหลายประเด็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึงอย่างชัดเจน และหลายภาคเศรษฐกิจยังไม่กลับไประดับก่อนเกิดปัญหาโควิด นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยกำลังเจอความเสี่ยงจากแรงกดดันเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับขึ้นตัวสูงขึ้น ในขณะที่รายได้และเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับตัวเป็นขาขึ้นตามแรงกดดันเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวหรือถดถอยในระยะเวลาข้างหน้าจนกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
“ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ภาวะดอกเบี้ยต่ำแบบนี้กำลังจะหมดไป แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบาง และไม่ทั่วถึง หลายภาคส่วนยังไม่กลับไปจุดเดิมก่อนวิกฤตโควิด และภาคครัวเรือนและธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบและมีปัญหาในการจ่ายคืนหนี้ คำถามสำคัญคือเราจะวางแผนกันอย่างไรในโลกใบใหม่นี้” ดร.พิพัฒน์ กล่าว
นอกจากปัจจัยระยะสั้นแล้ว เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างหลายประการ ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตช้าลงและมีความเสี่ยงที่จะมีความสามารถในการแข่งขันลดลง ในขณะที่ปัจจัยแวดล้อม เช่นพัฒนาด้านเทคโนโลยี กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทางออกสำคัญของเศรษฐกิจไทยในโลกยุคใหม่ คือ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งรวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การยกระดับคุณภาพการศึกษาและทักษะแรงงาน การเปิดเสรีแรงงานและบริการ การลดการผูกขาด ตลอดจนการเพิ่มคุณภาพสถาบันเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส