“เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล” โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลก
ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 30 ปี พร้อมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai
บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล ผู้นำธุรกิจจำหน่ายเหล็กกล้าเกรดพิเศษแก่กลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศไทย ชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงที่นำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ กว่า 30 ปี รุกเดินหน้าขยายการเติบโตครั้งใหม่ หลังยื่นไฟลิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)โดยแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ดร.พิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ โดยนำเข้าผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากผู้ผลิตในต่างประเทศและให้บริการชุบแข็งสุญญากาศแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมเป็นองค์ความรู้และความชำนาญด้านเหล็กกล้าเกรดพิเศษกว่า 30 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจให้บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายเหล็กกล้าเกรดพิเศษแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก อาทิ DÖRRENBERG EDELSTAHL GmbH และ WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศเยอรมนี รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการเลื่อยโลหะ ได้แก่ ใบเลื่อยสายพานชั้นแนวหน้าของโลก RÖNTGEN จากประเทศเยอรมนี และเครื่องเลื่อยสายพานชั้นนำจากประเทศจีน CHENLONG เป็นต้น
ปัจจุบัน “เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล” ได้จำหน่ายสินค้าและให้บริการด้วยกัน 4 ส่วนหลัก ประกอบด้วย1. เหล็กกล้าเกรดพิเศษ สำหรับแม่พิมพ์งานร้อน แม่พิมพ์งานเย็น แม่พิมพ์พลาสติก และเหล็กกล้าไฮสปีด2. เหล็กกล้าเกรดพิเศษ สำหรับเครื่องจักรกลทางวิศวกรรม 3. บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ โดยเทคนิคจากเยอรมัน (Vacuum Heat Treatment) 4.สินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ใบเลื่อยสายพาน เครื่องเลื่อยสายพาน รวมถึง แม่พิมพ์ เครื่องมือ และชิ้นส่วนอุปกรณ์สำเร็จต่างๆ ในอุตสาหกรรม
โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ จะอยู่ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ ล้อรถยนต์ และอุปกรณ์เสริมยานยนต์ ฯลฯ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น ผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่ทำจากอลูมิเนียม ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ และผู้ผลิตท่อและเหล็กโครงสร้าง ฯลฯ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผู้ผลิตน้ำตาลทราย บรรจุภัณฑ์อาหาร และเครื่องใช้ในครัวเรือน ฯลฯ รวมถึงมีกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ทั้งลูกค้ารับจ้างผลิตชิ้นงานตามแบบ ลูกค้าผู้รับเหมาย่อย และลูกค้าซื้อมาขายไป เป็นต้น ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายจะเน้นทำการตลาดเชิงรุก ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่สอดรับกับการขยายกำลังการผลิตของลูกค้า พร้อมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม งานส่งเสริมการขายและงานของสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อแสวงหาลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ล่าสุด บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ26.67 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 150ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 110 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 220 ล้านหุ้น โดยมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนในโครงการคลังสินค้าแห่งใหม่ ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน ลงทุนเตาชุบแข็งแบบไนไตรดิ้ง เพื่อให้บริการชุบได้อย่างครบวงจรและเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและดำเนินการอื่นๆ
“เราเป็นผู้นำในการจำหน่ายเหล็กกล้าเกรดพิเศษในประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญและพร้อมด้วยองค์ความรู้มาอย่างยาวนาน ประกอบกับมีพันธมิตรทางธุรกิจอันแข็งแกร่ง ทั้งกลุ่มผู้ผลิตสินค้าชั้นนำระดับโลกที่ไว้วางใจให้บริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่าย รวมทั้งลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้การยอมรับและมีประวัติสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและรองรับการฟื้นตัวและการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศไทย พร้อมแสวงหาโอกาสขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางESG ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล” ดร.พิศิษฐ์ กล่าว