จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกทั่วโลกขยับตัวขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลซึ่งถือเป็นต้นทุนการผลิตของทุกภาคอุตสาหกรรม
ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม – 20 กันยายน เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
อธิบดีกรมสรรพสามิต เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นผู้ดูแลเรื่องภาระค่าครองชีพของประชาชน การปรับลดภาษีนั้นได้มีมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี ช่วงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ จะหมดในวันที่ 20 กรกฎาคม นี้ แต่ได้มีการต่อนโยบาย เพื่อช่วยลดระดับขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้สูง สำหรับมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน จะส่งผลให้กรมสรรพามิตจัดเก็บรายได้ ลดลง 10,000 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน จะสูญเสียรายได้ 20,000 ล้านบาท
คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีมติอนุมัติสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นจำนวนเงินเดือนละ 1,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 เดือน รวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท สนับสนุนภาครัฐในการแบ่งเบาภาระค่าพลังงานของประชาชน รวมทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศ ทั้งนี้ จากสถานการณ์วิกฤตด้านพลังงานตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ปตท. ได้ช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพด้านพลังงานให้แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 14,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปตท. ยังให้ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มให้กับประชาชน สำหรับกลุ่มเปราะบางผู้มีรายได้น้อย หรือร้านค้า หาบเร่ แผงลอย หรือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเฉพาะการตรึงราคาขายปลีก โดยเฉพาะก๊าซ NGV