ธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2022 เหลือ 2.9% จากก่อนหน้าที่ 4.1% แม้ว่าความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอยยังคงจำกัด แต่จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและอาหาร บวกกับการหยุดชะงักของระบบห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากกรณีรัสเซียบุกยูเครนและแรงผลักดันธนาคารกลางทั่วโลกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ผู้ลงทุนแสดงความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายสิบปี อีกทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเติบโตในระดับต่ำ ซึ่งมีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซา หรือ Stagflation ทำให้ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักหลายแห่งปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดของปีไปกว่า 20% หรือเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) โดยเริ่มเห็นการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนเงินสดใน portfolio ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 SET Index ปิดที่ 1,568.33 จุด ปรับลดลง 5.7% จากเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเพียง 5.4% ซึ่งลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย เดือนมิถุนายน 2565 SET Index ปิดที่ 1,568.33 จุด ปรับลดลง 5.7% จากเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเพียง 5.4% ซึ่งลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค
สำหรับ SET Index ใน 6 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มเกษตรและอุสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
โดยในเดือนมิถุนายน 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 71,693 ล้านบาท ลดลง 26.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 6 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 87,342 ล้านบาทโดย ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนแรกหลังจากซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก โดยในเดือนมิถุนายน2565 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 29,990 ล้านบาท อย่างไรก็ตามใน 6 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 109,067 ล้านบาท
และมีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจ. ฑีฆาก่อสร้าง (TEKA) และใน mai 1 บริษัท ได้แก่ บมจ. สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP)
ด้านForward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 16.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.4 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า
และอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 2.87% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.89%
ด้านภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนมิถุนายน 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 638,943 สัญญา เพิ่มขึ้น 35.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures และในช่วง 6 ปีเดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 571,320 สัญญา เพิ่มขึ้น 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน