ธ.ก.ส. เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564 - 2565 กำหนดราคาเป้าหมายจากการขายผลปาล์มทะลาย ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ วงเงิน 7,652 ล้านบาท โดยจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาตลาดอ้างอิง เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรทุกวันที่ 15 จนถึงสิงหาคม 2565 แจงเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรีบขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ประกันรายได้ที่เกษตรอำเภอหรือแอปพลิเคชัน FARMBOOOK ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564 - 2565 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาที่เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต โดยกำหนดราคาเป้าหมาย เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสมจากการขายผลปาล์มทะลาย (อัตราน้ำมันร้อยละ 18) ที่กิโลกรัมละ 4 บาท จำนวนเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์กว่า 380,000 ราย ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 - สิงหาคม 2565 วงเงินกว่า 7,652 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส. จะจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาตลาดอ้างอิงให้แก่เกษตรกรทุก 30 วันและ เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรงในวันที่ 15 ของทุกเดือน
สำหรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรโดยรัฐบาลจะจ่ายเงินตามพื้นที่ปลูกจริง ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และต้องเป็นพื้นที่ปลูกต้นปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้วอายุ 3 ปีขึ้นไป กำหนดผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ต่อปีที่ใช้คำนวณวงเงินช่วยเหลือที่เกษตรกรแต่ละครัวเรือนจะได้รับ จากข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศย้อนหลัง 3 ปี (เดือนกันยายน 2561 - สิงหาคม 2564) คิดเป็น 2,774 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะประมวลผลตามข้อมูลที่ได้รับ จากนั้น จะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งสามารถตรวจสอบการโอนเงินได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสำหรับเกษตรกรลูกค้าที่ใช้บริการ BAAC Connect จะได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่าน LINE Official: BAAC Family เมื่อเงินถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากเรียบร้อยแล้ว
นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า ในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรีบแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพื่อรับสิทธิ์โครงการประกันฯ ผ่านเกษตรอำเภอหรือแอปพลิเคชัน FARMBOOK ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป