ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากกรณีพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลกโดยเห็นสัญญาณการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งพบว่ามีเงินลงทุนจำนวนมากเคลื่อนย้ายจากตลาดทุนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากกรณีพิพาท ได้แก่ ประเทศในทวีปยุโรปไปยังกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าเช่นกลุ่มประเทศ ASEAN
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ปัจจัยภายในประเทศที่มีความเชื่อมโยงไปยังรัสเซียและยูเครนค่อนข้างน้อย และในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อค่อนข้างจำกัด และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในภาคบริการและการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมืองในอนาคตทำให้เห็น Fund Flow จากผู้ลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 61,336 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุดในรอบ16 ปี ทำให้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 SET Index ปิดที่ 1,685.18 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.2% จากเดือนก่อนหน้า
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 SET Index ปิดที่ 1,685.18 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.2% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN โดยSET Index ในสองเดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มการเงิน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 99,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คิดเป็น 42.80% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ซึ่งเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สามโดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 61,336 ล้านบาทซึ่งเป็นมูลค่าที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุดในรอบ 16 ปี
มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท คือ บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) และใน mai 1 บริษัทคือ บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC)
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ระดับ 18.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ระดับ 2.64% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.36%
สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 614,587 สัญญา เพิ่มขึ้น 8.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures