บลจ.วี มองเศรษฐกิจยูโรโซนเติบโตโดดเด่น หนุนปรับประมาณกำไรบริษัทจดทะเบียนพุ่งในปีนี้ ถึงแม้ตลาดมีความกดดันและผันผวนในช่วงนี้ แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนจากระดับราคาหุ้นยุโรปที่ยังไม่สูง เป็นจังหวะลงทุนระยะสั้น ส่งกองทริกเกอร์ “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M) ” ลงทุนแบบมีเป้าหมายเลิกโครงการ 6% ใน 8 เดือน* IPO 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2565 ชูกลยุทธ์ลงทุนผสมจากผู้จัดการกองทุน หุ้นValue, หุ้น Momentum Play และหุ้นกลุ่มรถยนต์ สร้างโอกาสลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะสั้น”
นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างน่าสนใจ โดยคาดว่าในปี 2022 เศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัวที่ระดับ +3.9% ดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ +3.8% และดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ +3.5% และส่งผลบวกไปถึงบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากข้อมูล 6 เดือนย้อนหลัง พบว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปไม่รวมอังกฤษ (Europe equity ex. UK) ถูกปรับประมาณการขึ้นมากกว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก (Global equity) โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นมาที่ตลาดหุ้นได้ปรับฐานลงทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของหุ้นยุโรป และความมั่นใจของนักวิเคราะห์ที่มากกว่า (ที่มา: Citi Global Wealth Investment Outlook 2022 as of 2 Dec 2021 และ Bloomberg as of 28 Jan 2022)
“ปัจจุบันตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวได้ก่อนตลาดสหรัฐฯ แม้ว่าช่วงตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปจะปรับตัวลดลงอย่างมากตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่สามารถฟื้นตัว (Rebound) ได้ก่อน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ (Bottom Fishing ) ในตลาดหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง” (ที่มา: Bloomberg as of 28 Jan 2022)
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบระดับราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน (Valuations) จาก Price to Earnings Ratio (PE) , Price to Book Ratio (PB) , การเติบโตของกำไร (Earnings Growth) และอัตราจ่ายเงินปัน (Dividend Yield) จะพบว่าตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจมากที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) หรือตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI ACWI Index) นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปมีสัดส่วนของหุ้นคุณค่า (Value Stock) มากกว่าตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ บลจ.วี ที่มองว่าหุ้นคุณค่า (Value Stock) มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (Outperform) หุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ (ที่มา: Bloomberg as of 6 Feb 2022 และ Bloomberg, MSCI and S&P Global. Sector weightings as of 29 October 2021)
อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปถือเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ด้วยการลงทุนตามหลักESG (Environment Social Governance) เห็นได้จากร้อยละของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MSCI Europeที่ได้รับการประเมิน ESG Score อยู่ในระดับที่สูงกว่าบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกโดยเฉพาะระดับ AA และ AAA เป็นต้น (ที่มา: MSCI ESG Research as of 30 November 2021)
สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังต้องติดตามสถานการณ์โดย บลจ. วี คาดว่ามีโอกาสความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะจบลงด้วยการที่รัสเซียผนวกภาคตะวันออกของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเช่นเดียวกับกรณีไครเมียร์ หรืออาจเกิดการเจรจาสันติภาพขึ้นจากทั้งสองฝ่ายด้วยการถอยคนละก้าว คือรัสเซียถอนกำลังทหาร และยูเครนยุติหรือระงับแผนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ ดังนั้นจากกลยุทธ์การลงทุน กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M) ที่ผู้จัดการสามารถปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์จึงเป็นโอกาสเข้าลงทุนจากความผันผวนในระยะสั้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อพิจารณาขายทำกำไรในระยะถัดไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆด้วย
ดังนั้นจึงเป็นจังหวะดีสำหรับการลงทุนในหุ้นยุโรป บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย IPO “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M)” เสนอขายครั้งแรกวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2565 ลงทุนแบบมีเป้าหมายเลิกโครงการ 6% ในระยะเวลา 8 เดือน หรือเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.63 บาทต่อหน่วย และต้องไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย
โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนเชิงรุกในหุ้นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านกองทุน ETF หรือหุ้นรายตัวซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรป หรือหุ้นที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจในยุโรปเป็นหลักที่คัดเลือกโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ ซึ่งเน้นจับจังหวะตลาดในช่วงที่ระดับราคาน่าสนใจและมีปัจจัยพื้นฐานการเติบโตดี
ด้านกลยุทธ์ เน้นลงทุนแบบผสมผสานในหุ้นคุณค่า (Value Play) ผ่าน กองทุน iShares Edge MSCI Europe Value Factor UCITS ETF) ในสัดส่วนประมาณ 30% และลงทุนใน หุ้นกำลังเติบโตขาขึ้น (Momentum Play)ผ่านกองทุน iShares Edge MSCI Europe Momentum Factor UCITS ETF ในสัดส่วนประมาณ 40% เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนผ่านนโยบายการเงิน จากแบบผ่อนคลาย (Loosening Policy) ไปสู่แบบตึงตัว (Tightening Policy) หุ้นทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวมีโอกาสให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับจังหวะตลาดได้
นอกจากนี้เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและเห็นว่าหุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน (Automobiles & Parts) ในยุโรป มีระดับราคาที่ค่อนข้างต่ำ ระดับ PE เพียงประมาณ 5.59 ซึ่งมีการเติบโตที่สูงจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปใช้พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles) ในอนาคต จึงเลือกลงทุนผ่าน กองทุน iSharesSTOXX Europe 600 Automobiles & Parts UCITS ETF ในสัดส่วนประมาณ 30% (ที่มา : We Asset Management as of 7 Jan 2022) อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าวบริษัทจัดการจะใช้ดุลพินิจในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ต่อเมี่อเป็นการดำเนินการภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนเช่น
MBG Mercedes-Benz Group AG : ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถยนต์ รถบรรทุก และรถตู้ ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี
STLA Stellantis NV Common Shares : บริษัทรถยนต์ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตรถยนต์และให้บริการด้านต่างๆเช่น การเคลื่อนย้าย ออกแบบ วิศวกร ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ เช่น Fiat, Jeep, Opel, Peugeot, Vauxhall และ Ram บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเมือง Lijnden ประเทศเนเธอร์แลนด์
BATS British American Tobacco PLC: จัดทำผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
MC LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE LVMH: ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น แชมเปญไวน์ ผลิตภัณฑ์แฟชั่นและเครื่องหนัง เช่น Fendi, Givenchy, Kenzo, Louis Vuitton, Marc Jacobs เป็นต้น
NOVO B Novo Nordisk A/S Class B: บริษัทด้านการดูแลสุขภาพ มีส่วนร่วมในการวิจัย พัฒนา การผลิต และการตลาดของผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมทั่วโลก
“บริษัทจดทะเบียนในยุโรปมีแนวโน้มที่ผลกำไรจะเติบโตอย่างน่าสนใจ และด้วยการระบาดของโควิด-19 ที่จบลงไปแล้วในหลายประเทศ แม้ว่าอาจจะมีความกังวลเรื่องความไม่สงบเรื่องรัสเซียกับยูเครน แต่มองว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นเมื่อมีการย่อตัวลง บลจ.วี จึงอยากแนะนำโอกาสสำหรับสร้างผลแทนที่ดีในระยะสั้นจากตลาดหุ้นยุโรป ผ่าน “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M)” ที่มีปัจจัยสนับสนุนและด้วยกลยุทธ์ลงทุนที่โดดเด่น” นายอิศรา กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วีจำกัด (“บลจ.วี”) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 หรือตัวแทนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บลจ.วี ได้แก่บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บล.หยวนต้า , บล.โนมูระ, บล.เคจีไอ, บล.เอเชียเวลท์, บล.ฟิลลิป, บล.กรุงศรี, บล.ไทยพาณิชย์, บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์,บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บลน.โรโบเวลธ์, บลน.ฟินโนมินา, บลน.เวลท์ รีพับบลิค, บลน.เว็ลธ์เมจิก, บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ และ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)