กลุ่มบางจากเผยผลการดำเนินงานปี 2564 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 199,417 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,624 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับผลดีจากการลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ “OKEA”นอร์เวย์ ปรับกระบวนการทำงานลดค่าใช้จ่ายกว่า1.6 พันล้านบาท พร้อมปันผลงวดครึ่งหลังปี64 หุ้นละ1 บาทเตรียมเสนอขายหุ้นIPO BBGI 17 มี.ค.นี้
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(BCP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 199,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากปี 2563 คิดเป็น EBITDA 25,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 529 จากปี 2563 และกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 7,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,591 ล้านบาทจากปี 2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 6,967ล้านบาทคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.25 บาท นับเป็นผลการดำเนินงานที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
โดยผลการดำเนินงานในปี 2564 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจมีดังนี้ คือ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้น 11,532 ล้านบาทจากปี 2563 โดยหลักมาจากในปี 2564 มี Inventory Gain 5,966 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2563 มี Inventory Loss และค่าการกลั่นพื้นฐานอยู่ที่ 4.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2564 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน 1.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ UCO (Unconverted Oil) ซึ่งช่วยหนุนค่าการกลั่นและลดผลกระทบจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ปรับลดลง
กลุ่มธุรกิจการตลาด ผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปี 2563 โดยหลักมาจากในปี 2564 มีInventory Gain จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดปรับลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันใสผ่านสถานีบริการน้ำมันในอันดับ 2 โดยสิ้นปี 2564 มีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน 1,277 สถานี
กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นร้อยละ 15 จากปี 2563 โดยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้น รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศไทยใหม่ 4 โครงการและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam San B ใน สปป.ลาว ที่รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีและการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประเทศอินโดนีเซีย 577 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น344 ล้านบาท เนื่องจากอัตราค่าไฟเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีการรับรู้กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานยังคงใกล้เคียงกับปีก่อน แม้จะได้รับผลกระทบจากธุรกิจไบโอดีเซลที่ปริมาณการจำหน่ายปรับลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 และมาตการการปรับลดสัดส่วนการผสม B100 เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ และธุรกิจเอทานอลที่มีความต้องการใช้ปรับลดลง
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานในปี 2564 มี EBITDA เพิ่มขึ้น 9,254 ล้านบาทเทียบจากปี2563 โดยหลักมาจากในปี 2564 กลุ่มบริษัทฯ เปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน OKEA จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย เปลี่ยนวิธีการรับรู้ผลการดำเนินงานจากวิธีรับรู้ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) เป็นวิธีการจัดทำงบการเงินรวมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2564 มีการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในBCPE (สุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยน) ประมาณ 120 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติมีEBITDA เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 กลุ่มบางจากฯ ตั้งเป้าเดินหน้าขยายธุรกิจโดยมุ่งเน้นการลงทุนให้ความสำคัญกับนวัตกรรมสีเขียวเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2050 ครอบคลุมถึงบริษัทในกลุ่ม BCPG และ สำหรับบริษัท บีบีจีไอ จำกัด(มหาชน)( BBGI ) มีแผนยุทธศาสตร์รุกธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง พร้อมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 นี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 อนุมัติให้นำเสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2564 ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น จะรวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2564 ในอัตรา 2 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินรวมประมาณ 2,715 ล้านบาทโดยวันให้สิทธิ
ผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลเป็นวันที่ 3 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2565