CPANEL ชูกลยุทธ์ Technology Driven
ลุ้นทำนิวไฮ 2 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า
25%
CPANEL เปิดแผนธุรกิจปี 65 ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี
(Technology Driven) ยกระดับความสามารถการแข่งขัน
ลุ้นผลประกอบการทำนิวไฮ ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า
25% พัฒนาเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน หนุนความสามารถการทำกำไร
พร้อมขยายฐานลูกค้าอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โชว์ Backlog 1,190
ล้านบาท ไตรมาสแรกจ่อเซ็นสัญญาลูกค้าเพิ่มกว่า 200 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป
(Precast) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี
(Technology Driven) เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายผลประกอบการทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่
2 โดยมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25%
สำหรับแผนการดำเนินงานปี
65 บริษัทจะดำเนินการพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ
ทั้งเรื่องการออกแบบ ความรวดเร็ว ปริมาณ และคุณภาพ Precast Concrete เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงลดความผิดพลาด
ความสูญเสียในการผลิต
นอกจากนี้ ยังมีแผนนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการประสานงานกับลูกค้า
การบริหารจัดการภายใน ลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่างๆ ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถการทำกำไรมากขึ้น
ส่วนแผนการขยายฐานลูกค้า
บริษัทยังคงรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยเน้นกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่มีแนวโน้มขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,190
ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 74% แนวสูง 16% ทยอยรับรู้ภายใน 3 ปี นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส
1/65 บริษัทอยู่ระหว่างรอสัญญาจากลูกค้าแนวราบ 4 ราย แนวสูง 2 ราย มูลค่ารวมประมาณ
200 ล้านบาท
ขณะที่
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัว
กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมาในหลายพื้นที่ ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการปลดล็อค LTV ส่งผลให้โครงการบ้านยังเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของบริษัท ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จึงวางแผนการลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
และมีแนวโน้มที่จะใช้ Precast Concrete มากขึ้น
“จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
คาดว่าการแข่งขันของผู้ประกอบการจะยิ่งสูงขึ้น โดยต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา
ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน (Working
Cap) ในการดำเนินงานได้
Precast Concrete
สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี เนื่องจากเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่สั้น
ตั้งแต่ออกแบบจนถึงส่งมอบบ้านหลังแรกได้ภายใน 15 วันและหลังถัดไปได้ประมาณ 7
วันนับจากวันที่ลูกค้ายืนยันแบบ CPANEL
จึงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”
นายชาคริต กล่าว