สนง. คปภ. - สนง.เศรษฐกิจการเกษตร ลงนาม MOU ผนึกกำลังความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคเกษตรให้เดินหน้าด้วยระบบประกันภัย

สนง. คปภ. - สนง.เศรษฐกิจการเกษตร” ลงนาม MOUผนึกกำลังความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคเกษตรให้เดินหน้าด้วยระบบประกันภัยสร้างความเข้มแข็งให้ภาคเกษตรกรรมไทยแบบยั่งยืน

ดรสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงานคปภ.) ได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการประกันภัยการเกษตร เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม2564  ห้อง 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมีนายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ร่วมลงนาม และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และมีผู้บริหารของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และผู้บริหารของสำนักงาน คปภร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาระบบประกันภัยการเกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมถึงพืชผลทางการเกษตร ปศุสัตว์ประมง ป่าไม้ และบริการทางการเกษตร ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงระบบประกันภัยในทุกมิติของความเสี่ยง 


เลขาธิการ คปภกล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภและ สศกได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางการพัฒนาระบบประกันภัยการเกษตร และสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพของเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน โดยผลักดันให้ระบบประกันภัยเข้าไปเป็นกลไกในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง และเกิดบ่อยครั้งขึ้น จากสภาวการณ์ของสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลง อาทิ น้ำท่วม ลมพายุ ภัยแล้ง แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายและเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่มีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ดังนั้น การลดความเสี่ยงภัยด้วยระบบประกันภัยจึงมีความสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทำให้สามารถวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐในการชดเชยเยียวยาเกษตรกร และที่สำคัญเกษตรกรสามารถนำเงินที่ได้รับจากการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปดำเนินการเพาะปลูกใหม่ รวมถึงเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย

สำนักงาน คปภ ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ตลอดจนการดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย ได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมการประกันภัยด้านการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้สนับสนุนให้ภาคธุรกิจประกันภัยศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สำคัญและจำเป็น เพื่อให้ครอบคลุมพืชเศรษฐกิจ ที่สำคัญของประเทศ อาทิการประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง และได้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยตามภูมิภาคหรือพื้นที่เฉพาะ อาทิ การประกันภัยทุเรียนภูเขาไฟ และการประกันภัยประมง นอกจากนี้ สำนักงาน คปภได้ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาวิจัยเพื่อยกร่างกฎหมายการประกันภัยทางด้านเกษตรกรรมให้มีรูปแบบที่ชัดเจน มีความยืดหยุ่น เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โรคระบาด หรือภัยธรรมชาติ ตลอดจนส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยด้านการเกษตรที่มีความหลากหลายมากขึ้น  

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง และยั่งยืนสำนักงาน คปภจึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการประกันภัยการเกษตรกับ สศกซึ่งมีกรอบการดำเนินงานร่วมกันในด้านหลัก ประกอบด้วย1) ความร่วมมือทางวิชาการเพื่อการพัฒนาและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นและข้อมูลทางวิชาการ 2) การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยการเกษตร เพื่อนำไปประกอบการวิเคราะห์และประเมินผล สำหรับการตัดสินใจของผู้บริหารและการปฏิบัติงาน 3) ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านการประกันภัยการเกษตร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ และ 4) การสนับสนุน ร่วมมือ และการประสานงานในด้านอื่น  รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้ระบบประกันภัย


นอกจากนี้ พี่น้องเกษตรกรยังจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือในครั้งนี้คือ การพัฒนาระบบการประกันภัยสินค้าเกษตรที่เหมาะสมและสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในบริหารจัดการความเสี่ยง อันจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเกษตรได้ตรงกับความเสี่ยง ซึ่งทำให้ภาคเกษตรของไทยมีความเข้มแข็งและพัฒนาอย่างยั่งยืน อีกทั้งมีกลไกในการบริหารความเสี่ยงแบบครบวงจร สำหรับในระยะแรกจะเป็นการประสานความร่วมมือในรูปแบบประสานงานด้านการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยการเกษตร ระยะต่อไปจะเป็นการยกระดับความร่วมมือการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ API เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงาน และสามารถค้นหาข้อมูลได้ทันที ทั้งนี้ เพื่อให้การประสานความร่วมมือเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ จะได้จัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือพัฒนาระบบประกันภัยการเกษตร เพื่อขับเคลื่อนภารกิจตามวัตถุประสงค์ของความร่วมมือและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อไป



สำนักงาน คปภและ สศกจะร่วมส่งเสริม สนับสนุน แลกเปลี่ยนทั้งองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการส่งเสริมการประกันภัยด้านการเกษตร แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรตามภูมิภาคหรือพื้นที่เฉพาะอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังต้องมีการศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับและเข้าถึงการเกษตรใหม่   แบบครบวงจร การทำ MOU ระหว่างสองหน่วยงานจะเป็นจุดเริ่มของการบูรณาการความร่วมมือกันเพื่อเพิ่มศักยภาพการดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนควบคู่กับการส่งเสริมการประกันภัยด้านการเกษตรให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน” เลขาธิการ คปภกล่าวในตอนท้าย