วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจยังได้แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและการตรึงดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีหน้า ล่าสุดการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมาเห็นชอบปรับระดับพื้นที่ของสถานการณ์ระบาดเหลือเพียง 3 ระดับ คือ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 39 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 30 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) 8 จังหวัด รวมทั้งยังผ่อนคลายให้มีการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ในช่วงวันสิ้นปีได้ในพื้นที่หลัก 5 จังหวัดท่องเที่ยว นอกจากนี้ ทางรัฐบาลระบุว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 21 ธันวาคมนี้ เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาและมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มเติม เช่น มาตรการช่วยเหลือผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในกลุ่มศิลปินบันเทิง โครงการคนละครึ่งเฟส 4 โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 รวมถึงมาตรการช้อปดีมีคืนที่อาจนำกลับมาใช้อีกครั้ง เป็นต้น
สถานการณ์การระบาดในประเทศที่บรรเทาลงสะท้อนจากการปรับยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ต่อเนื่องจากการยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทยอยปรับลดลง ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น ประกอบกับมาตรการที่ภาครัฐจะทยอยออกเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้นับเป็นแรงส่งสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปถึงต้นปีหน้า ท่ามกลางความเสี่ยงจากสถานการณ์การระบาดจากไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่ยังมีความไม่แน่นอนอย่างไรก็ดี ล่าสุดหลายสถาบันชั้นนำของโลกยังคงประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2565 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อาทิธนาคารโลกคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดไว้ที่ 4.0% ด้านวิจัยกรุงศรีคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตที่ 3.7% จากขยายตัว 1.2% ในปีนี้ แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่ ความคืบหน้าของการกระจายวัคซีนที่ช่วยหนุนให้ไทยและหลายๆประเทศสามารถเปิดประเทศได้กว้างขวางขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและผลเชิงบวกจากการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จะส่งผลดีต่อภาคส่งออกของไทยและหนุนให้เกิดวัฏจักรการลงทุนรอบใหม่ รวมถึงมาตรการจากภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ขณะที่ภาคท่องเที่ยวมีทิศทางปรับดีขึ้นแต่ยังคงเป็นระยะแรกของการฟื้นตัวและอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะคืนกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาด อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงและประเด็นท้าทายที่อาจกดดันการฟื้นตัว อาทิ ความไม่แน่นอนของการระบาดของไวรัส COVID-19 จากการกลายพันธุ์และผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน ผลข้างเคียงจากการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติของประเทศแกนหลักทำให้เกิดความผันผวนในตลาดทุนและตลาดการเงินและความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศซึ่งอาจกระทบต่อความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ (วันที่ 22 ธันวาคม) ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยซึ่งจะมีการประชุมรอบสุดท้ายของปี โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีหน้า