เป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกได้จับตามองและได้ข้อสรุปกันแล้ว กับการประชุม FOMC (Federal Open Market Committee) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งผลที่ออกมาเป็นสิ่งที่หลายๆคนได้คาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation) ที่เพิ่มขึ้นสูงทั่วโลกในปัจจุบันทำให้ผู้คนนั้นมีความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเงินในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีความสามารถในการผลิตเงินออกมาได้อย่างไม่จำกัด ทำให้ผู้คนต้องการที่จะรักษาเสถียรภาพทางการเงินของตัวเองไว้ในการลงทุนกับสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เช่น ทองคำ และ สกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ผู้คนให้ความสนใจถือครองใน “ระยะยาว”
แต่ยิ่งอัตราเงินเฟ้อสูงมากขึ้น ก็ทำให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะกระทบต่อตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเชิงลบเช่นกัน
ผลการประชุม FOMC มีการสรุปตามนี้:
1. FED จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยจะไม่มีการปรับดอกเบี้ยในครั้งนี้ แต่วางแผนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า 3 ครั้ง (การประชุมครั้งก่อนวางแผนไว้ว่า 2 ครั้ง)
2. เร่งถอนวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า โดยแผนเดิมนั้นจะปรับลดเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ ต้องเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายนปีหน้า แต่ต้องเร่งเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์ ต่อเดือน และต้องเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า
ลังจากการประกาศของผลการประชุม FOMC ทำให้ราคาของตลาดหุ้นสหรัฐฯและสกุลเงินดิจิทัลปรับตัวขึ้นตามนี้:
- อุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ราคา 35,927.43 เพิ่มขึ้น +383.25 จุด (1.08%)
- แนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq Composite) ราคา 15,565.58 เพิ่มขึ้น +327.94 จุด (2.15%)
- เอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ราคา 4,709.85 เพิ่มขึ้น +75.76 (1.63%)
- Bitcoin (BTC) ราคา 48,785.82 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +1.34%
- Ethereum (ETH) ราคา 4,015.43 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +4.7%
- Binance Coin (BNB) ราคา 533.83 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +1.02%
- Solana (SOL) ราคา 178.40 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +11.59%
- Cardano (ADA) ราคา 1.30 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +4.18%