กลุ่มบริษัทKTBST โชว์ผลการดำเนินงาน 11เดือนรายได้รวม 1,104 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทเดินหน้าตั้งKTBST Holding สถาบันการเงินที่ครบวงจรจ่อเข้าตลาดหลักทรัพย์
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (KTBST SEC) เปิดเผยว่าในปี2562 กลุ่มบริษัทKTBST ได้ขยายธุรกิจและบริการเพิ่มเติมจากบริการซื้อขายหลักทรัพย์คือบริการกองทุนรวมและกองทุนรีททำให้ในรอบ11 เดือนสิ้นสุดณ29 พฤศจิกายน2562 กลุ่มบริษัทKTBST ซึ่งรวม3 บริษัทคือKTBST SEC บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวีจำกัด (We Asset) และบริษัทเคทีบีเอสทีรีทแมเนจเมนท์(KTBST REIT) มีรายได้รวมทั้งสิ้น1,104 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิที่30 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงานของKTBST SECมีรายได้สิ้นสุดณ29 พฤศจิกายน2562 ที่1,092 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิที่44 ล้านบาทโดยสัดส่วนรายได้หลักมาจาก2 ส่วนคือค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์ 42% และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริการอื่นๆ ได้แก่ตราสารหนี้กองทุนรวมกองทุนส่วนบุคคลและวาณิชธนกิจ38% นอกจากนั้นเป็นรายได้จากธุรกิจต่างประเทศและธุรกิจBlock Trade 12% ที่เหลือมาจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้อื่นๆ8%
ด้านธุรกิจการซื้อขายในตลาดTFEX บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่5.15% ติดอันดับ7 ของอุตสาหกรรมส่วนธุรกิจ อื่นๆ(ณสิ้นเดือนพ.ย.) ของKTBST ยังคงการเติบโตต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล(Private Wealth Management) และธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน(Investment Advisory) มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำ(AUA) 80,000 ล้านบาทธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเติบโตขึ้นมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ(AUM) อยู่ที่2,500 ล้านบาทส่วนธุรกิจตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน(Selling Agent) ปัจจุบันมีAUA เติบโตอยู่ที่10,000 ล้านบาทด้านธุรกิจวาณิชธนกิจด้านการออกตราสารหนี้หรือCorporate finance solution ในปีนี้บริษัทออกตราสารหนี้ทั้งตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้เพื่อระดมทุนให้บริษัทชั้นนำต่างๆกว่า30 บริษัทมูลค่ากว่า20,000 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่ซื้อขายอยู่เป็นประจำจำนวนกว่า8,000 บัญชีเพิ่มขึ้นมากกว่า2,000 บัญชีจากปีก่อนหน้าทั้งนี้ในการดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์KTBST จะไม่ได้เน้นขยายส่วนแบ่งการตลาดเนื่องจากบริษัทเน้นการให้บริการการวางแผนการลงทุนแบบครบวงจรมากกว่าการเทรดหุ้นเพียงอย่างเดียว
ด้านการขยายความร่วมมือทางธุรกิจKTBST SEC ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ไห่ตงอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปไพรเวทลิมิเต็ด(สิงคโปร์) โดยมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกันถือเป็นความเชื่อมโยงทางธุรกิจกันระหว่างประเทศไทยกับเกาหลี, จีน, ฮ่องกง, และสิงคโปร์เพื่อเพิ่มศักยภาพของKTBST SEC ไปสู่ระดับสากลในการบริการด้านวาณิชธนกิจและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ใน4 ด้านได้แก่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์การบริหารจัดการลงทุนงานด้านวาณิชธนกิจและผลิตภัณฑ์การเพื่อบริหารความมั่งคั่ง
ด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนKTBST SEC ได้เปิดตัวบริการKTBST Skynet Social Tradingเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนในหุ้นแบบออนไลน์ที่ช่วยสร้างเครือข่ายสังคมการลงทุนออนไลน์คุณภาพที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยด้วยฟังชั่นเด่นคือMaster และFollower ที่ให้ลงทุนซึ่งเป็นผู้ติดตามหรือFollower ได้ติดตามการซื้อขายของนักเทรดหุ้นมืออาชีพหรือMaster และFollower สามารถตัดสินใจส่งคำสั่งซื้อขายตามMaster ที่นักลงทุนติดตามได้ ด้านKTBST TFEX MT4ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์จากการที่บริษัทฯเริ่มการทำการตลาดผ่านการให้ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆและจัดสัมมนาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯขยายฐานลูกค้าที่ใช้บริการMT4 ออกไปมากกว่า1,500 บัญชี ทั้งนี้ในช่วงต้นปี2563 KTBST SEC มีแผนจะเปิดให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์SET100 ผ่านแพลตฟอร์มMT4 อีกด้วยนอกจากนี้KTBST SEC ยังขยายธุรกิจต่างประเทศให้ครอบคลุมทั้งการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศกองทุนรวมต่างประเทศและการลงทุนทางเลือกอื่นๆเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ด้านบริษัทในเครือปีนี้ได้มีการเปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวีจำกัด (We Asset)พร้อมด้วยผู้บริหารภายใต้แนวคิด"We design your wealth .. We grow together"ที่มุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่สร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอและมีนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันเพื่อความมั่งคั่งภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมโดยณวันที่29 พฤศจิกายน2562 We Asset มีจำนวนกองทุนรวมทั้งหมด12 กองทุนและมูลค่าทรัพย์สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) อยู่ที่ 4,839 ล้านบาทซึ่งคาดว่าในสิ้นปีจะสามารถปิดAUM ได้ที่5,000 ล้านบาท
ส่วนอีกบริษัทในเครือคือบริษัทเคทีบีเอสทีรีทแมเนจเมนท์(KTBST REIT) ในปี2562 เตรียมเดินหน้าจัดตั้งกองรีท2 กองทุนมูลค่ารวมกว่า5 พันล้านบาทมีทั้งสินทรัพย์ที่เป็นกลุ่มโกดังสินค้าหรือโรงงาน, โรงแรมที่พักและสำนักงานกับพื้นที่ค้าปลีกและตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในปี2563 เป็น1 หมื่นล้านบาท จากแนวโน้มของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือREIT ที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนรายย่อยและผู้ลงทุนสถาบันในลักษณะของผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับปานกลางอีกทั้งการจ่ายปันผลในระหว่างทาง
ตั้งKTBST Holding รองรับการเงินครบวงจร
ดร.วิน กล่าวว่า เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่จะเป็นสถาบันการเงินในประเทศไทยที่ครบวงจรและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและรองรับการขยายตัวของทุกธุรกิจในอนาคต รวมไปถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบด้านเทคโนโลยี(Digital Disruption) และคู่แข่งใหม่ๆตลอดทั้งการสร้างโอกาสในการยกระดับมาตรฐานของบริษัทเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบริษัทด้วยการตั้ง“บริษัทเคทีบีเอสทีโฮลดิ้งจำกัด(มหาชน)” (KTBSTHolding)ขึ้นเพื่อขยายธุรกิจให้KTBST Holding เป็นสถาบันการเงินครบวงจรมากยิ่งขึ้นโดยปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (KTBST SEC) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวี จำกัด(We Asset) และบริษัทเคทีบีเอสที รีทแมเนจเม้นท์จำกัด(KTBST REIT) เป็นบริษัทลูก(Subsidiaries) และยังมีแผนที่จะขยายไปลงทุนในบริษัทอื่นๆ ในปี2563