‘บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง’ ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาและงานก่อสร้างครบวงจร
ชูหลักบริหารจัดการและเทคโนโลยีก่อสร้างสมัยใหม่ รับเม็ดเงินลงทุนก่อสร้างภาครัฐ-เอกชน
พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมเติบโตยั่งยืน
‘บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง’ หรือ CIVIL ผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจรของไทย โชว์ศักยภาพบริหารโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ พัฒนาคุณภาพชีวิตช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมเติบโตยั่งยืน ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 50 ปี นำหลักบริหารจัดการเน้นความคล่องตัว ยืดหยุ่น พร้อมทีมบุคลากรที่มีความชำนาญด้านวิศวกรรมโยธา เทคโนโลยีก่อสร้างที่ทันสมัยและเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนวัสดุ สร้างโอกาสในการขยายการบริหารงานก่อสร้างภาครัฐ รับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมครั้งใหญ่ และต่อยอดสู่งานภาคเอกชน เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยว่า จากนโยบายภาครัฐเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศและวางรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านคมนาคมในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยประเมินปี 2565 มีโครงการลงทุนต่อเนื่องในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและสาธารณูปโภค เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส3 โครงการเมืองการบินภาคตะวันออกเฟส1 รวมถึงการเปิดประมูลเมกะโปรเจกต์ในโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม ครอบคลุมการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า โครงการรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง โครงการขยายและปรับปรุงท่าอากาศยานในภูมิภาค โครงการงานทางและทางยกระดับ จึงคาดว่างบประมาณลงทุนก่อสร้างภาครัฐจะเพิ่มขึ้น 6-7% เป็นประมาณ 858,000 ล้านบาท ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวไปทิศทางใกล้เคียงกัน ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการก่อสร้าง และได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานราชการขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับเหมาขั้นสูงสุด เข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเข้าร่วมประมูลโครงการภายใต้บริษัทฯ หรือเข้าร่วมในโครงการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) รวมถึงการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมบริหารโครงการ เพื่อส่งมอบงานก่อสร้างที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ภายในระยะเวลาที่กำหนด
“เรามีทีมผู้บริหารคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง และเราพร้อมปรับตัวไปกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากการเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาขีดความสามารถในทุกด้านเพื่อให้องค์กรมีศักยภาพเข้าร่วมพัฒนาโครงการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมไทย เพื่อวิถีชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน” นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาและงานก่อสร้างแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์และความชำนาญมากกว่า 50 ปี ได้พัฒนาบริหารโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ รวมถึงงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศแล้วมากกว่า 1,000 โครงการ ครอบคลุมตั้งแต่งานทาง งานรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง งานท่าอากาศยาน เขื่อนและอ่างเก็บน้ำ นิคมอุตสาหกรรมและงานอื่นๆ เป็นต้น ที่สามารถส่งมอบผลงานก่อสร้างที่มีคุณค่า สร้างยอมรับและไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ ‘ซีวิลเอนจีเนียริง’ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโต
ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ ได้ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานก่อสร้างขนาดใหญ่ งานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยจะส่งมอบและรักษาไว้ซึ่งผลงาน ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด เพี่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากการมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญวิศวกรรมโยธา ความพร้อมเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการเป็นเจ้าของโรงงานผลิตวัสดุชิ้นส่วนก่อสร้าง เช่น โรงงานชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานโครงสร้างสะพานและรถไฟฟ้าความเร็วสูง โรงงานแอสฟัลท์ติกคอนกรีต คอนกรีตผสมเสร็จ ท่อระบายน้ำคอนกรีต ราวเหล็กลูกฟูก ช่วยบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินโครงการที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและบริหารโครงการก่อสร้าง โดยมีความชำนาญงานก่อสร้างที่หลากหลายทั้งรูปแบบและประเภทงานโครงการ 2.กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่บริษัทฯ มีแหล่งเหมืองหินปูนที่มีคุณภาพและโรงงานวัสดุก่อสร้างจำนวน 11 แห่ง ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ เพื่อใช้ในงานก่อสร้างของบริษัทฯ และจำหน่ายให้แก่คู่ค้า รวมถึงมีเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าระดับโลกที่ช่วยสนับสนุนต้นทุนดำเนินงานก่อสร้างที่ดี และ 3.ธุรกิจให้บริการอสังหาริมทรัพย์และให้เช่าเครื่องมือเครื่องจักร โดยเป็นผู้ให้เช่าอาคารสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์และให้เช่าเครื่องมือเครื่องจักร เช่น รถเครน รถแบ็คโฮ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่การดำเนินธุรกิจ และสอดคล้องกระแสของ Sharing Economy ของโลก เพื่อให้พันธมิตรทางธุรกิจร่วมเติบโตไปด้วยกัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีวิลเอนจีเนียริง กล่าวว่า บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งพัฒนาขีดความสามารถการดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมก่อสร้างในยุคใหม่ ที่เน้นบริหารงานแบบยืดหยุ่น คล่องตัว และใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีส่งเสริมประสิทธิภาพในทุกกลุ่มธุรกิจ สร้างโอกาสเข้ารับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเพิ่มขึ้น รวมถึงต่อยอดสู่งานภาคเอกชนเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อผลิตชิ้นส่วนวัสดุที่มีคุณภาพใช้ในงานก่อสร้างที่ดำเนินงานภายใต้บริษัทฯ และจำหน่ายให้แก่คู่ค้า เป็นผลดีต่อการดำเนินงาน และผลักดัน CIVIL สู่การเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ เชื่อว่า การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารโครงการก่อสร้างตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นด้านสารสนเทศ และข้อมูล ส่งผลให้มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมได้ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะ Economy of Speed จากการใช้ข้อมูลเพื่อปรับตัวได้เร็ว รวมถึงเทคโนโลยีในการก่อสร้าง วิธีการใหม่ เครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัย รวมทั้ง วัสดุอุปกรณ์ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และเราเชื่อว่า โอกาสใหม่ๆ ที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงจาก start up ทั่วโลก เป็นสิ่งที่จะทำให้บริษัทฯ สามารถเรียนรู้ พัฒนาต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งยังมีโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเติบโตไปด้วยกัน
“เรายึดมั่นในปณิธานในการทำหน้าที่ “ผู้สร้าง” เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนในสังคม โดยพร้อมนำทรัพยากรขององค์กร ช่วยสนับสนุนการบริหารงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และต่อยอดงานภาคเอกชนรับโอกาสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยใช้เทคโนโลยีก่อสร้างที่ทันสมัยช่วยเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมของประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตยั่งยืน” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว