EFORL โชว์ฟอร์ม ! กำไร Q3/64 แตะ 658 ลบ.
ทะลุเป้ารายได้และกำไรจากธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
สินค้ารักษาโควิด
หนุนเต็มพิกัด ตัดขาดบริษัทลูกที่ไม่ทำกำไร
ขยาย Internet of
Medical Things ในอนาคต
EFORL โชว์ผลงาน Q3/64 แกร่ง กำไรสุทธิ 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,113% จากงวดเดียวกันปีก่อน รับอานิสงส์จากยอดขายสินค้าเกี่ยวข้องรักษาโควิด-19
ตอบรับความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์
พร้อมตัดขาดบริษัทลูกที่ไม่ทำกำไร งบการเงินดีที่สุดในรอบ 5 ปี ฟากซีอีโอ
"ปรีชา นันท์นฤมิต"
ระบุเดินหน้านำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์และสินค้าที่เกี่ยวข้องรักษาโควิด-19
ต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้พุ่ง ประเมินโค้งสุดท้ายปีนี้
หนุนผลงานปีนี้โตทะลุเป้า 2,000 ล้านบาท
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม
จํากัด (มหาชน) หรือ EFORL เปิดเผยว่า
ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564) มีกำไรสุทธิ 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาท หรือ 1,113% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637 ล้านบาท หรือ 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 453 ล้านบาท
สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 778 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 334% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิเท่ากับ
319 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,655 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 37% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,212
ล้านบาท ซึ่งรายได้ของธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 3
ไตรมาสของปีนี้สูงกว่ารายได้ทั้งปีของปี 2563 จากการทำรายได้ New High อย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานทะลุเป้า เนื่องจาก
บริษัทฯมีรายได้จากยอดขายเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด-19 จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์
โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นมาก
นอกจากนี้ยังมาจากการส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ป้อนหน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชนบางส่วนจากในมือ (Backlog) ทั้งหมดรวมกว่า
500 ล้านบาท เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องมอนิเตอร์สัญญาณชีพผู้ป่วย (Patient Monitor) เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดแบบ Portable เครื่อง Oxygen High Flow ฯลฯ จึงทำให้เชื่อว่าจะผลักดันรายได้ปี 2564
เติบโตมากกว่าเป้าหมาย 2,000 ล้านบาทแน่นอน
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
ซึ่งการปรับกลยุทธ์มาให้ความสำคัญกับธุรกิจการจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจน
ตอบโจทย์ได้อย่างดี ส่งผลยอดขายปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด-19
รวมทั้งการร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งในประเทศ
และต่างประเทศโดยการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ในรูปแบบต่างๆ
เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น รวมทั้งมีการตัดบริษัทลูกที่ไม่ทำกำไร
หลังจากที่นักลงทุนเคยสูญเสียความเชื่อมั่นมาจากผลกระทบจากบริษัทย่อยในอดีต”
นายปรีชา กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า
บริษัทฯยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจทุกรูปแบบในด้านธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์
และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมรุกธุรกิจเครื่องมือแพทย์ครบวงจร รักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้
และมีแผนมุ่งสู่เครื่องมือทางการแพทย์ในระบบ Internet of Medical Things ซึ่งเป็น
Trend ใหม่ของโลกร่วมกับคู่ค้ายักษ์ใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้