อิ๊กดราซิล กรุ๊ป แรงไม่หยุด โชว์ฟอร์มเจ๋ง ไตรมาส3/64 กำไรสุทธิเติบโต 48% รับอานิสงค์งานด้านเกมและอินโนเวชั่น ขยายตัวต่อเนื่องทั้งไทยและตลาดโลก ส่งผลงวด 9เดือนกำไรทยาน 108% รุกเพิ่มทุนล็อตใหญ่ หวังยกระดับหุ้น YGG เข้า SET จัดสรรผู้ถือหุ้นเดิม 360 ล้านหุ้น สัดส่วน 1 : 2 ราคา 0.50 บาท พร้อมแจกฟรีวอร์แรนต์สัดส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ บอร์ดใจป้ำจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 2.90322581 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล
นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือYGG เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส3/64 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัท มีรายได้รวม 68.85 ล้านบาทบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า 8.10 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น13%โดยมีกำไรสุทธิ 30.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 48%และมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปีนี้ 76.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น108% จากงวด 9 เดือนปี 2563
ผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีกำไรปรับเพิ่มขึ้น เป็นการเติบโตของรายได้การให้บริการเกมออนไลน์ Home sweet home survive อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทมีรายได้รายได้จากส่วนงานเกมและอินโนเวชั่นในไตรมาส 3/64 มีจำนวน30.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 เท่ากับ24% และสำหรับงวด 9 เดือนของปี 64 มีรายได้55.50 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น340% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากส่วนงานโฆษณาและภาพยนตร์ในไตรมาส 3/64 มีจำนวน 26.07 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 21% เนื่องจากบริษัทได้มีการโยกทีมงานบางส่วนไปไว้ในส่วนงานทำโฆษณาเกม ขณะที่ส่วนงานด้านภาพยนตร์แอนิเมชั่นในไตรมาส3/64 มีรายได้12.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 เท่ากับ 299% โดยงานด้านแอนิเมชั่นยังมีการเติบโตสูง จากตลาด streaming ในตลาดโลกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในไตรมาส 3/64 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากส่วนงานเกมและอินโนเวชั่น 44 % รายได้จากงานโฆษณาและภาพยนตร์ 38% และมีรายได้จากส่วนงานภาพยนตร์แอนิเมชั่น 18 %
นายธนัช ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของบริษัท เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 256 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 90 ล้านบาท เป็นทุนจดทำเบียน 346 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 512 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
วัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เนื่องจากบริษัท มีแผนที่จะย้ายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อให้บริษัท มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดให้บริษัท ต้องมีทุนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท รวมทั้งระดมทุน เพื่อรองรับโอกาสในการลงทุนของบริษัท ในอนาคต ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปีข้างหน้า
สำหรับรายละเอียดการเพิ่มทุน บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่า 180 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทยังมีมติ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1(YGG-W1) จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ในอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยจะได้จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 โดยไม่คิดมูลค่า คิดเป็นทุนจำนวน 45 ล้านบาท
“บริษัท กำหนดให้ใบสำคัญแสดงสิทธิYGG-W1 ในอัตราใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1 หุ้นและกำหนดราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1ที่หุ้นละ 12 บาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร YGG-W1 ในวันที่ 14 ก.พ. 2565” นายธนัช กล่าว
นอกจากนี้บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 62 ล้านหุ้น (พาร์ 0.50 บาท) เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลระหว่างกาล งวด 9 เดือนปีนี้ (1 ม.ค.-30 ก.ย.64) ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 2.90322581 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 31 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล ในวันที่ 14 ก.พ. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 มี.ค.2565
นายธนัชกล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัท มีการออกและเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญบริษัท จะมีทุนชำระแล้วจำนวน 301 ล้านบาทซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดให้บริษัท ที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต้องมีทุนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการย้ายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังต้องได้รับการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 4 ก.พ. 2565เวลา 13.00น.ณ โรงแรมทาวน์อินทาวน์ เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 256 ล้านบาท และการจัดสรรผู้ถือหุ้นเดิม รองรับการออกวอร์แรนท์และการจ่าย