ASIAN
ผลงานแกร่ง!! กำไร 9 เดือน นิวไฮอยู่ที่ 779
ลบ. โกยรายได้ 7,025 ลบ.
แนวโน้ม Q4/64 ยังสวย หนุนรายได้ทั้งปีโต 10% ตามแผน
“เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น”
ประกาศผลงานเติบโตแข็งแกร่ง สวนโควิด-19 เผยงบปี Q3/64 กำไรอยู่ที่
271 ลบ. มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 2,429 ลบ. ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นนิวไฮ อยู่ที่
22.7% หนุน 9 เดือนปีนี้ กำไรพีคแรงอยู่ที่ 779 ลบ. โดยมีรายได้จากการขายและบริการ
7,025 ลบ. ผลจากความสำเร็จของกลุ่มอาหารธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่แข็งยอดขายเพิ่มขึ้น
และอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าหนุน ประเมินแนวโน้มธุรกิจ Q4/64 โค้งสุดท้ายพีคต่อ หนุนรายได้ทั้งปีโต 10% ตามแผน คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีอยู่ที่
20%
นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินบริษัท
เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ประกอบธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง อาหารสัตว์น้ำ
อาหารสัตว์เลี้ยง และทูน่า จำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท
และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวด 9 เดือนของปี 2564 มีกำไรสุทธิรวม 779 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
172 ล้านบาท หรือ 28.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ
607 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายรวม 7,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว
663 ล้านบาท หรือ 10.4% โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,426
ล้านบาท หรือ 20.3% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น
1,075 ล้านบาท หรือ 16.9%
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส
3 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34%
เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 202 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 2,429 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท หรือ 2.5% เทียบกับปีก่อนหน้ารายได้จากการขายและบริการอยู่ที่
2,371 ล้านบาท จากยอดขายของกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่เยือกแข็งมียอดขายเพิ่มขึ้น
โดยสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 44% กลุ่มอาหารแช่เยือกแข็งอยู่ที่
38% อาหารสัตว์น้ำ 12% และทูน่า 6%
ของยอดขายรวม
กำไรขั้นต้นไตรมาส 3
ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 551 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 411 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่
22.7% ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่
17.3% โดยอัตรากำไรขั้นต้นรวมเพิ่มขึ้นจากการที่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
“ผลประกอบการไตรมาสนี้ออกมาเป็นที่น่าประทับใจ แม้เป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีความรุนแรง ASIAN ได้บริหารจัดการภายในองค์กร
เพื่อรักษาความสามารถในการเป็นผู้ผลิตและส่งออกที่มีคุณภาพ และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น
ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ด้วยแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนฟื้นตัว
ซึ่ง ASIAN ก็ได้รับอานิสงส์ โดยได้รับคำสั่งซื้อในกลุ่มสินค้าอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ และยุโรปก็เติบโตด้วยเช่นกัน และมองว่าจะเป็นเทรนด์การเติบโตต่อไปในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
และ
ในปีหน้า” นายเอกกมล กล่าว
สำหรับแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ มองว่ายอดขายยังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดี
ทั้งในส่วนของธุรกิจอาหารแช่แข็งกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และอาหารสัตว์เลี้ยงที่ขยายตัว
ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับความต้องการผู้บรโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว
กลุ่มลูกค้ามีคำซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น สนับสนุนรายได้หลักทั้งปีจะยังคงสามารถเติบโตได้ราว
10%
ตามแผน และคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 20%
สวนทางกับความตึงเครียดจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศ
สำหรับสินค้าในกลุ่มหมึกและกลุ่มของทอดแช่เยือกแข็ง
มีสัดส่วนราว 69% ของยอดขายอาหารแช่เยือกแข็งรวม
ตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารทอดแช่เยือกแข็ง หรือ กลุ่ม Pre-fried ยังคงเติบโตดี โดยการขยายไลน์ผลิตแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ส่งผลให้สามารถรับคำสั่งซื้อและผลิตมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
อย่างไรก็ดี ASIAN มีสัดส่วนการส่งออกในปัจจุบันอยู่ที่มากกว่า
75% ของยอดขายรวม โดยสินค้าส่งออกได้แก่ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแช่เยือกแข็ง
รวมถึงอาหารพร้อมปรุงแช่เยือกแข็ง
และทูน่า ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในปัจจุบัน ถือเป็นปัจจัยบวก และส่งผลดีต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการนำ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (AAI) บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยง
รวมถึงการจำหน่ายและส่งออก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2565
นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัทเอเชี่ยน เพื่อสนับสนุนการเติบโตได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น