CPANEL โชว์งบ 9 เดือน รายได้
220.67 ล้านบาท กำไรพุ่ง 37,501.85%
ลุ้นเซ็นสัญญา 4 โครงการแนวราบ-แนวสูง
มูลค่า 190 ล้านบาท ตุน Backlog 1,190
ล้านบาท
CPANEL โชว์ผลประกอบการงวด 9 เดือน รายได้ 220.67 ล้านบาท กำไรพุ่ง 37,501.85% แนวโน้มไตรมาส 4/64 โตต่อเนื่อง ปัจจัย LTV หนุน
ลูกค้าจ่อคิวเปิดโครงการใหม่เพียบ ตุน Backlog 1,190 ล้านบาท ลุ้นเซ็นสัญญา 4 โครงการแนวราบ-แนวสูง มูลค่ารวม 190 ล้านบาท พร้อมเจรจาลูกค้าเพิ่ม
คาดผลประกอบการปี 64 เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 30%
นายชาคริต
ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL
ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast
Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวด
9 เดือนปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 220.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม
143.94 ล้านบาท จำนวน 76.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.30% และมีกำไรสุทธิ
20.19 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีก่อนมีขาดทุนสุทธิ 54,000 บาท จำนวน 20.25 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 37,501.85%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส
3 ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 63.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม
44.09 ล้านบาท จำนวน 19.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43.80%
และมีกำไรสุทธิ 3.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ
1.39 ล้านบาทจำนวน 4.81 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 345.32%
ทั้งนี้
ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น โดยกำไรงวด 9 เดือนปี 64
เติบโตมากกว่ากำไรทั้งปี 63 อยู่ที่ 13.13 ล้านบาท เนื่องจากฐานกำไรปี 63
อยู่ในระดับต่ำ สาเหตุจากลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้คำสั่งซื้อของบริษัทลดลง
โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับปกติในช่วงไตรมาส 4/63
และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงไตรมาส 3/64 บริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่
2.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว โดยหากดูเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับ
6.2 ล้านบาท ถือว่าเติบโตเพิ่มขึ้นจำนวน 7.59 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถทำกำไรได้ดี
จากการบริหารจัดการควบคุมต้นทุน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดหน่วยงานก่อสร้างใน
เดือนก.ค. และ มาตรการ Bubble and Seal ในเดือนส.ค. ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด
– 19 ของรัฐ
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส
4/64 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ภาครัฐมีมาตรการปลดล็อค LTV ออกมากระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ กำลังซื้อในประเทศจากคนไทยและชาวต่างชาติปรับตัวดีขึ้น
ส่งผลให้สต็อกโครงการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ลดลง
และเร่งเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้ Precast Concrete ที่เป็นวัสดุก่อสร้างเน้นความรวดเร็ว
มีความต้องการเพิ่มขึ้น
จากแนวโน้มดังกล่าว
บริษัทจึงมีแผนปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น
ตามการเติบโตของตลาด มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ
30 ก.ย. 64 ที่ 1,190 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 64-66 ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา
4 โครงการแนวราบและแนวสูง มูลค่ารวมกว่า 190 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่
ซึ่งคาดว่าจะสรุปในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะสามารถเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า
30%