ASW สุดปลื้ม ! โครงการ “เคฟ ทียู” ยอดโอนทะลุเป้า
หนุนผลงานโดดเด่น- กอด Backlog 7,600 ลบ.
ASW ฮอต!โครงการ “เคฟ ทียู” (Kave TU) ภายใต้แบรนด์ เคฟ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท กระแสตอบรับดีเกินคาด
ยอดโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ทะลุเป้า ส่งสัญญาณไตรมาส 3/64 แกร่ง ฟาก CEO "กรมเชษฐ์
วิพันธ์พงษ์"
ระบุโครงการดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มนักศึกษา และผู้ปกครอง
ทำให้ผลตอบรับดีเกินคาด เผยมียอดขายรอโอนสะสมไว้แล้ว 7,600 ล้านบาท มั่นใจสนับสนุนผลงานปีนี้โตเข้าเป้า
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) ผู้พัฒนาอสังหาฯ
รุ่นใหม่ เติบโตด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” เปิดเผยว่า
แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
แต่บริษัทยังคงสามารถสร้างยอดขายใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
จากการนำกลยุทธ์การขายแบบออนไลน์ รวมถึงการออกแคมเปญที่สร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้น
ล่าสุดโครงการ “เคฟ ทียู” (Kave TU) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดจองในช่วงที่ผ่าน ผลปรากฏว่า
กระแสตอบรับดีมาก สามารถทำยอดขายได้เกินกว่า 90%
ส่งผลให้บริษัทฯสามารถโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ปลายเดือนกันยายน 2564ได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และสนับสนุนผลงานในไตรมาส 3/2564 และ ไตรมาส 4/2564
เติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โครงการ“เคฟ ทียู” (Kave TU) เป็นโครงการคอนโดมีเนียม Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร แต่งครบ จำนวน 1,016 ยูนิต
ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
มีพื้นที่ส่วนกลาง และ Facilities
ที่จัดหนักจัดเต็มกว่า 5,800 ตารางเมตร ,ห้องทำกิจกรรมทุกรูปแบบ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้
มีการเดินทางที่สะดวกสบาย และเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ทั้งรถ
และรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (สถานีธรรมศาสตร์รังสิต )
“โครงการ “เคฟ ทียู” มียอดขายที่ดีมาก
บริษัทฯสามารถโอนกรรมสิทธิเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และทำธุรกรรมการโอนกรรมสิทธิได้อย่างรวดเร็ว
แม้จะยังไม่มีการเปิดภาคเรียนแบบปกติ แต่ด้วยความพิเศษของโครงการที่โดนใจ
กลุ่มนักศึกษา และผู้ปกครอง รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยจัดเต็ม
สร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดาผู้ปกครองที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยให้กับบุตรในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย
ซึ่ง “เคฟ ทียู” จึงเป็นโครงการที่มีคุณภาพ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ (New Normal ) และตอกย้ำความเป็นผู้นำของ ASWในการพัฒนาคอนโดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
ของกลุ่มนักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักได้เป็นอย่างดี”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า
บริษัทฯยังคงเน้นนโยบายการสร้างยอดขาย และการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในทุกรูปแบบ
ซึ่งโดยในไตรมาส 4/2564 โครงการ " โมดิซ สุขุมวิท 50" (Modiz Sukhumvit 50) มูลค่า 2,100 ล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอโอน(Backlog) มูลค่ากว่า 7,600 ล้านบาท ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่าในปีนี้
บริษัทฯยังสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 4,205 ล้านบาท