นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN กล่าวว่า การดำเนินงาน 3ไตรมาสที่ผ่านมา มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาศักยภาพขององค์กร ให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง รวมทั้งการเชื่อมต่อกับหน่วยงานภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อแสวงหาโอกาสและต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการขาย อยู่ที่ 770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท หรือ 4.2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย และ ออสเตรเลีย ในกลุ่มสินค้าแช่แข็ง (Frozen) และสินค้าบรรจุถุงสุญญากาศ (Pouch) และทั้งในส่วนลูกค้ารายใหม่ และลูกค้ารายเดิมที่กลับมาซื้อเพิ่ม ในขณะที่การขายในประเทศสูงขึ้น จากกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (Ready to eat) ที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ต
สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 53 ล้านบาท ในส่วนรายได้ 9 เดือน ปี 2564 เท่ากับ 2,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.6 % กำไรสุทธิ เท่ากับ 143 ล้านบาท แม้จะมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น แต่บริษัทต้องเผชิญกับความท้าท้าย ด้านต้นทุนภาชนะบรรจุที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาเหล็กที่ผันผวน ประกอบกับอัตราค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น จากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ค่าขนส่งที่ปรับขึ้น ตามราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง คาดปลายปี 2564 จะสามารถสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศฟื้นตัวขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นทิศทางการเติบโตได้อย่างชัดเจน โดยในไตรมาสที่ผ่านมา SUN ได้บรรลุข้อตกลงและร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ บริษัท ลิสเซิลฟิลด์ จำกัด เพื่อหา Solution ด้านการเกษตรอย่างแม่นยำ และร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร รวมถึงสายพันธุ์พืช เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างเป็นรูปแบบธุรกิจเชิงพาณิชย์ คาดแนวโน้ม 2564 ผลประกอบการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เติบโตไม่น้อยกว่า 10-15 %
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสการเติบโต จากแผนการลงทุนโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการผลิต Biogas จาก Waste ( ซังข้าวโพด) ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้จากพืชเกษตร แปรรูปเป็นพลังงานสะอาด (Green Energy) และผลิตกระแสไฟฟ้า และลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างประมาณ 80% และคาดว่าสามารถจะ Test run ได้ภายในปลายปีนี้ ทั้งนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นตามแผนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาศักยภาพองค์กร ให้พร้อมแข่งขันและพร้อมรับโอกาสใหม่ๆจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก