เคอรี่ โลจิสติคส์ เปิดแผนรุกธุรกิจกลุ่มลูกค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าเติบโตเท่าตัวในปีหน้า เหตุเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง คาดหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย กลุ่มแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอ็นจะเติบโตได้ดี พร้อมเดินหน้าเจรจาแบรนด์ดังระดับโลก มั่นใจศักยภาพการให้บริการของเคอรี่ โลจิสติคส์ ที่มีเครือข่ายรองรับครอบคลุมทั่วโลก และมาตรฐานการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า
นายพงศ์ศิริ ศิริธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทเคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Kerry Logistics Network Limited หรือ KLN บริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดเผยว่าบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้บริการด้านคลังสินค้าและบริการด้านการขนส่งกับบริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจด้านแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
การขยายกลุ่มลูกค้าไปยังธุรกิจแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ เพราะมั่นใจว่าหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ธุรกิจแฟชั่นและไลฟ์สไตล์จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะสามารถเติบโตได้ เห็นได้จากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหลังการระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ รวมถึงธุรกิจแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ก็ได้รับผลกระทบยกเว้นกลุ่มระดับบน ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย และในอนาคตประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์รวมแฟชั่นของแบรนด์ระดับโลกมากขึ้น การให้บริการของ เคอรี่ โลจิสติคส์มั่นใจว่าตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในธุรกิจกลุ่มนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม คาดว่าในปีหน้า ในกลุ่มธุรกิจแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ จะมีสัดส่วนรายได้เติบโตขึ้นเท่าตัว” นายพงศ์ศิริกล่าว
ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) กล่าวอีกว่า การให้บริการด้านคลังสินค้าและการขนส่ง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะสินค้าระดับบน เพราะสินค้ามีมูลค่าสูง การที่แบรนด์ชั้นนำระดับโลกจะให้ความไว้วางใจและใช้บริการ คลังสินค้าจะต้องมีความทันสมัย มีมาตรฐานสูง มีประสบการณ์ด้านการให้บริการ และมีความมั่นใจด้านบริการขนส่งสินค้า ซึ่ง เคอรี่ โลจิสติคส์ เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายการบริการทั่วโลกมีศักยภาพสูง บุคลากรมีประสบการณ์สูง จึงมั่นใจว่าจากคุณสมบัติและความพร้อมของบริษัท ตรงกับความต้องการของลูกค้า
“บริษัทมีความชำนาญในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในประเทศไทย และด้วยเครือข่ายที่มีครอบคลุมทั่วโลก จะช่วยสนับสนุนและสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการของไทยในการเชื่อมโยงธุรกิจสู่เวทีระดับภูมิภาคเอเชีย หรือแม้แต่ระดับโลกได้” นายพงศ์ศิริกล่าว