รมว.คลังสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บมจ.เอเชียประกันภัย 1950

เลขาธิการ คปภเผยร่วมบูรณาการตั้งศูนย์ทั่วประเทศให้คำแนะนำ รับเรื่องร้องเรียน และอำนวยความสะดวก  แก่ผู้เอาประกันภัยอย่างเต็มที่และกองทุนประกันวินาศภัยเข้ารับช่วงจ่ายเคลมประกัน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไม่สะดุด

ดรสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1936/2564 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชนโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย .. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม2564 เป็นต้นไป



เลขาธิการ คปภกล่าวว่า การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยครั้งนี้ เป็นมาตรการที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย โดย สำนักงาน คปภได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการต่าง  ภายใต้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์สูงสุดของประชาชน พร้อมทั้งขอชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเหตุประกอบการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเตรียมมาตรการต่าง  เพื่อรองรับมิให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนเดือดร้อน ดังนี้ 

1. เนื่องจากปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัทฯ มีฐานะการเงินไม่มั่นคงจากการดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน สภาพคล่องไม่เพียงพอต่อการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า และเสนอขายกรมธรรม์ไม่เป็นไปตามแบบและข้อความที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน จึงเป็นกรณีที่บริษัทฯ มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย .. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สั่งให้บริษัทแก้ไขฐานะและการดำเนินการตามที่นายทะเบียนกำหนด และให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว โดยสำนักงาน คปภได้เข้าควบคุมธุรกรรมการเงินเพื่อให้มั่นใจได้ว่าระหว่างที่มีคำสั่งให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวและอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาตามคำสั่งฯ จะไม่มีการโยกย้ายทรัพย์สินหรือมีการกระทำใด  ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22 ตุลาคม2564 

2. เมื่อให้ระยะเวลาบริษัทฯ แก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินการตามคำสั่งนายทะเบียนแล้ว ได้ปรากฏข้อเท็จจริง ต่อนายทะเบียนว่า บริษัทฯมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และยังคงมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนคงค้างจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจัดการสินไหมทดแทนได้ และจากการที่สำนักงาน คปภได้ติดตามความคืบหน้าจากบริษัทฯ เกี่ยวกับการเพิ่มทุนหรือฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพัน พบว่า บริษัทฯ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มทุนหรือการแก้ไขฐานะการเงินของบริษัทฯ และไม่ปรากฏว่าบริษัทฯ มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแก้ไขฐานะการเงินของบริษัทฯ รวมทั้งไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการร่วมทุนจากผู้ร่วมทุนรายอื่น ส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่ไม่มั่นคง ประกอบกับบริษัทฯมีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ ไม่มีความพร้อมและความสามารถในการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยได้ อีกทั้งบริษัทฯ มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายประการ



จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ถ้าให้บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประกันภัยจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน คณะกรรมการคปภในการประชุมครั้งที่ 11/2564 วันที่ 8 ตุลาคม 2564 จึงมีมติให้เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณามีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน)

3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทฯ มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีฐานะการเงินไม่มั่นคง ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของบริษัทฯ ได้ภายในระยะเวลาที่สมควร ประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และไม่มีความสามารถและความพร้อมที่จะรับประกันภัยและประกอบธุรกิจประกันภัยได้ต่อไป ถ้าให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้เอาประกันภัย ตลอดจนความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย .. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชนตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป และหากบริษัทฯ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้มีสิทธิเสนอคำฟ้องยื่นต่อศาลปกครองกลางภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง

4. เมื่อรัฐมนตรีฯ มีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชนแล้ว คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ซึ่งได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 60 และมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย .. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่งตั้งให้กองทุนประกันวินาศภัย เป็นผู้ชำระบัญชี 

5. การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทเอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชนเป็นปัญหาฐานะการเงินและการจัดการภายในของบริษัทฯ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินหรือสภาพคล่องของบริษัทประกันวินาศภัยอื่น หรือธุรกิจประกันภัยในภาพรวม ทั้งนี้ สำนักงาน คปภได้เตรียมมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย เพื่อรองรับมิให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลกระทบไว้แล้วดังนี้ 

 5.1 บูรณาการความร่วมมือกับกองทุนประกันวินาศภัย (ในฐานะผู้ชำระบัญชีและบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 13 บริษัท ดังนี้ 

(1) ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายและได้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไว้กับบริษัทฯ แล้ว ให้ติดต่อกองทุนประกันวินาศภัยโดยกองทุนประกันภัยวินาศภัยจะเข้ารับช่วงจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่ได้มีการอนุมัติค่าสินไหมทดแทนไว้แล้วเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไม่สะดุด

(2) ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายแล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไว้กับบริษัทฯ ให้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกองทุนประกันวินาศภัย โดยกองทุนประกันวินาศภัยจะพิจารณาค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย

(3) ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยทุกประเภท สามารถที่จะดำเนินการในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว ดังนี้ 

ขอรับคืนเบี้ยประกันภัยที่เหลือจากกองทุนประกันวินาศภัย โดยกองทุนประกันวินาศภัยจะคืนเบี้ยประกันภัย  ให้ตามส่วนระยะเวลาตามความคุ้มครองที่เหลืออยู่  หรือ

นำเบี้ยประกันภัยที่จะได้รับคืนไปใช้แทนเงินสดในการเลือกซื้อประกันภัยได้จากบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ ได้ทุกประเภทกรมธรรม์ประกันภัย

(4) ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปซื้อความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชนซึ่งจะให้ความคุ้มครองเฉพาะภาวะโคม่าในวงเงินความคุ้มครอง 300,000 บาท เบี้ยประกันภัย 300 บาท หรือนำเบี้ยประกันภัยไปซื้อความคุ้มครองกับบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 10% ของกรมธรรม์ใหม่ แต่ไม่เกิน 500 บาท ยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของบริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน)และกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (...)  

5.2 จัดตั้งศูนย์ให้คำแนะนำ รับเรื่องร้องเรียน และอำนวยความสะดวกในการรับคำขอรับชำระหนี้ รวมทั้งการสนับสนุนบุคลากรในการรับคำขอรับชำระหนี้ ทั้งที่สำนักงาน คปภส่วนกลางและสำนักงาน คปภส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัยและประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง 

5.3 จัดเตรียมสถานที่ที่สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ดังนี้

(1) กองทุนประกันวินาศภัย (ในฐานะผู้ชำระบัญชีอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ชั้น 15 เลขที่ 1010 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักรเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2791-1444 ต่อ 11-15 และ 21-24

(2) สำนักงาน คปภซึ่งได้รับมอบหมายจากกองทุนประกันวินาศภัยทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการรับเอกสารหลักฐานการขอรับชำระหนี้แล้วส่งต่อให้กองทุนประกันวินาศภัยต่อไป โดยผู้เอาประกันภัยสามารถยื่นได้ทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ดังนี้  

ส่วนกลาง ยื่นได้  แห่ง ดังนี้

  - สำนักงาน คปภส่วนกลาง เลขที่ 22/79 ถนนรัชดาภิเษกแขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-2515-3999 หรือ สายด่วน คปภ. 1186 หรือ chatbot “คปภรอบรู้” (LINE@OICConnect)

   - สำนักงาน คปภเขตท่าพระ เลขที่ 287 ซอยรัชดาภิเษกถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร10600 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2476-9940-3

   - สำนักงาน คปภเขตบางนา เลขที่ 1/16  อาคารบางนาธานี ชั้น 8 ถนนบางนาตราด กม.3 แขวงบางนา เขตบางนากรุงเทพมหานคร 10260 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2361-3769-70    

ส่วนภูมิภาค สามารถยื่นขอรับชำระหนี้ได้ที่สำนักงาน คปภภาค และสำนักงาน คปภจังหวัด ทั่วประเทศ

5.4 สำนักงาน คปภได้พัฒนา Web Application โดยเฉพาะขึ้น เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เอาประกันภัยได้รวดเร็วขึ้น โดยระบบจะแจ้งข้อมูลไปยังผู้เอาประกันภัยทางออนไลน์

5.5 บูรณาการความร่วมมือกับกองทุนประกันวินาศภัยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดเตรียมหมายเลขโทรศัพท์รวม 47 คู่สาย เพื่อตอบข้อซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยจะเพิ่มเป็น 100 คู่สาย ในระยะถัดไป

หากเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัทฯ ให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัยในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัทฯ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยกำหนดในประกาศ โดยให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 2 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้ กรมธรรม์ประกันภัย บัตรประจำตัวประชาชน ใบเคลมใบนัดชำระหนี้ หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงถึงมูลหนี้ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคลและหากเป็นเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยให้นำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าหนี้ต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 1 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ดังนี้ หลักฐานแสดงถึงมูลหนี้ บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล)

ทั้งนี้ หากเจ้าหนี้ไม่สามารถยื่นได้ด้วยตนเอง จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจโดยติดอากรแสตมป์ 30 บาท พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ยื่นต่อกองทุนประกันวินาศภัยในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัทฯ

การดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายตั้งแต่ให้บริษัทฯ หยุดรับประกันวินาศภัยชั่วคราวตามมาตรา 52 พนักงานเจ้าหน้าที่ของ คปภที่เข้าไปประจำ  ที่ทำการบริษัทฯ เพื่อดำเนินการควบคุมการเบิกจ่ายเงินตามที่จำเป็น และเร่งเคลียร์ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยและเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยเป็นอันดับแรก ทำให้สำนักงาน คปภสามารถเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้กว่า13,000 ราย เป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินของบริษัทฯ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดูแลค่าเคลมที่ทยอยเข้ามาเรื่อย  ได้ และบริษัทฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะการเงินได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิกถอนใบอนุญาตเพื่อให้กองทุนประกันวินาศภัยเข้ามาดูแล โดยใช้เงินกองทุนฯ เยียวยาผู้เอาประกันภัย ซึ่งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้ดูแลประชาชนให้เต็มที่ โดยหลังจากเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว กองทุนประกันวินาศภัยจะรับช่วงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีผลผูกพันกับบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยและประชาชนโดยโอนให้กับบริษัทประกันภัยแห่งอื่นรับผิดชอบต่อ นอกจากนี้ ได้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 โดยเฉพาะขึ้น เพื่อรองรับผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์ความคุ้มครองโควิด-19 ต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการคุ้มครองดูแล โดยสำนักงาน คปภจะบูรณาการร่วมกับกองทุนประกันวินาศภัยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย ช่วยบรรเทาเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่ และพร้อมน้อมรับทุกคำชี้แนะในการดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน สำหรับรายชื่อบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการสามารถดูได้   จากเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. (www.oic.or.th) หรือสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภกล่าวในตอนท้าย