BROOK เร่งเปิดเผยข้อมูลการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการเป็นบริษัทจดทะเบียนที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนโลกใหม่
พร้อมวางกลยุทธ์จัดสรรพอร์ตลงทุนด้วยความเชี่ยวชาญ ลุยเดินหน้าโปรเจกต์นำร่อง ’เปิดเหมืองขุดเหรียญ’ ตามแผนงาน
นายวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่
ฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK
ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย
เปิดเผยว่า การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทฯ ผู้บริหารและคณะกรรมการได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุน
นโยบายทางบัญชีและผลกระทบงบการเงินสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมาอย่าต่อเนื่อง
ซึ่งกรอบการลงทุนได้กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัทในการตัดสินใจเพิ่มหรือลดตามความเหมาะสมของสถานการณ์นั้นๆได้
ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งแต่ 29 มีนาคม
จนถึงปัจจุบัน ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2564 มีมูลค่ารวมกว่า 1,291 ล้านบาท เทียบเป็นมูลค่าตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ลงทุนไปแล้วอยู่ที่
36.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาตลาดอยู่ที่ 41.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงกว่าลงทุนจริง ด้านคณะกรรมการยังไม่ได้ตัดสินใจขายเงินลงทุนใดๆ
เนื่องจากมีหลักในการลงทุนว่าจะต้องไม่เป็นรูปแบบ Trading Activity หรือการซื้อๆขายๆทุกวันหรือทุกสัปดาห์
“กลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตลงทุน บริษัทแบ่งสัดส่วนออกเป็น 60 : 40 โดยสัดส่วน 60% จะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท
Bitcoin, Ethereum, Binance และ Stable
Coin โดย Bitcoin มีมูลค่าตามราคาตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นผู้นำในตลาดคริปโทเคอเรนซี
รวมถึงได้รับการยอมรับในระดับนักลงทุนสถาบัน Bitcoin ถือว่าได้รับการทดสอบมานานกว่า
10 ปี สำหรับ Ethereum
นั้น
เป็นเหรียญที่มีมูลค่าตามราคาตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่สอง
แต่เป็นผู้นำในด้านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และมีมานานกว่า
7 ปี สำหรับ Binance
เป็นเหรียญที่มีมูลค่าตามราคาตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ
Top 10 แต่เป็นผู้นำในด้านการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (Centralize Exchange) โดย Binance มีบัญชีที่ลงทะเบียนด้วยมากกว่า
70 ล้านบัญชี นำมาซึ่งมูลค่าเครือข่ายที่แข็งแกร่งมาก
ซึ่งเป็นธีมหลักของการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทสุดท้ายคือ Stable Coin ซึ่งถือเป็นการลงทุนตามเงิน
Fiat ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าเหรียญอื่นๆ ส่วนการลงทุนอีก
40% ที่เหลือจะเป็นเหรียญอื่นๆ
ทั้งหมด ซึ่งเหรียญเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นเหรียญที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
เนื่องจากระบบนิเวศที่ยังอยู่ในช่วงพัฒนาและมูลค่าตามราคาตลาดที่น้อยกว่ากลุ่มแรก
อย่างไรก็ตามการลงทุนในเหรียญเหล่านี้เป็นส่วนที่จำเป็นในการดำเนินการในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล
ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะเติบโตไปด้วยกันในฐานะสินทรัพย์ประเภทใหม่ ดังนั้นบริษัทฯ
จึงตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายประเภทมากขึ้นเพื่อติดตามโครงการใหม่ๆ
ไปตามกรอบแนวทางความเสี่ยง” วริศ บูลกุล กล่าว
นายวริศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการติดตามพอร์ตภายหลังการเข้าลงทุน
บริษัทไม่ได้ใช้หลักมาตรวัดเพื่อทำการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณ (Quantitative
Analysis) แต่จะอยู่ในรูปแบบการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด (Closely monitoring) หากปรากฏว่ามีข้อมูลข่าวสารที่ทางแผนกการลงทุนพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นปัจจัยที่มีความเป็นวิกฤติ
(critical point) เช่น ระบบ Bitcoin หรือ Blockchain
ถูกโจมตีก่อให้เกิดความล้มเหลวในเทคโนโลยี
หรือมีเงินจำนวนมหาศาลถูกขโมยออกจากระบบ ในทางกลับกันหากเป็นปัจจัยบวก
เช่น การค้นพบเทคโนโลยีใหม่หรือการต่อยอดเทคโนโลยีเดิมซึ่งประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดไว้ แผนกการลงทุนก็จะใช้ดุลยพินิจในการขอเรียกประชุมคณะกรรมการการลงทุนเพื่อรายงานสถานการณ์และข้อมูลเพื่อให้ความเข้าใจเพิ่มเติมถึงความผันผวนว่าสามารถเกิดจากอะไรได้บ้าง
เพื่อให้ทางคณะกรรมการการลงทุนได้ดำเนินการตัดสินใจต่อไปว่าควรจะทำอย่างไร
ขณะที่การลงทุนโปรเจกต์ใหม่ในระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัล
มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) สร้าง Knowledge
Base ตลอดจนสร้างแบรนด์ในฐานะผู้ที่มีข้อมูลเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครอบคลุมในส่วนต่างๆ
(Integrated Knowledge Base)
ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปบางส่วนแล้ว ซึ่งหากสภาวะไม่เหมาะสม
อาจจะมีการลงทุนไม่ถึงตามจำนวน 70 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ได้