เร็วๆนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกนโยบายสำหรับตลาดเกินใหม่และประเทศกำลังพัฒนา เพื่อความมั่นคงของเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมกับรายงานตัวเลขการเติบโตของตลาดคริปโตเคอเรนซี่

IMF มองว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่นั่นเติบโตได้แบบรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมมองว่าศักยภาพของคริปโตนั้นจะช่วยในการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีความรวดเร็วและถูกกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม

จาก Report ของ IMF ประจำเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนจากการปรับความเสี่ยงของสินทรัพย์ตริปโตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถเทียบได้กับเกณฑ์มาตรฐานหลักอื่น ๆ เช่น S&P 500 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคริปโตนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว

ส่วน Market Capitalization ของสินทรัพย์คริปโตนั้นแสดงให้เห็นว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามาเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2020 และ Altcoins มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นในปี 2021 (แต่มีปรับลดลงในเดือนพฤษภาคม 2021)

ส่วน Stablecoin ที่รัฐบาลทั้งโลกกำลังหวาดกลัวเพราะเทคโนโลยีของมันและมูลค่าเหมือนเงิน Fiat เช่น USD ก็เติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปลายปี 2020 แต่อย่างไรก็ตาม Tether (USDT) มีส่วนแบ่งตลาดที่น้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับ Stablecoin สกุลอื่นๆที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Trading Volume ของ Stablecoin บน Exchange ทั่วโลกแสดงให้เห็นว่ามันมี Volume ที่มากที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2021 ที่เป็นช่วงเดียวกับ Bearish Market ของคริปโตที่ต่ำที่สุด

สิ่งที่ IMF กำลังหวาดกลัวนั้นก็คงเป็นสาเหตุเดียวกันกับที่ FED ออกมาเพ่งเล็งตัว Stablecoin ว่ามันมีเทคโนโลยีที่ดี ราคาไม่ผันผวนเหมือนคริปโตอื่นๆ แต่มันไม่มีใครควบคุม ทำให้ทาง IMF ออกมาแนะนำให้รัฐบาลทั่วโลกนั้นพัฒนาเหรียญ CBDC ของตัวเอง และออกกฎควบคุมคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งควรจะใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก

อ้างอิง: Website: https://www.cfr.org/.../imf-worlds-controversial...
           Report: https://www.cfr.org/.../imf-worlds-controversial...