นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาลกลุ่ม บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ (N Health) เผยว่า ปีนี้ N Health ครบรอบการดำเนินธุรกิจ 20 ปี ที่ผ่านมามีบทบาทสำคัญต่อระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โดยให้การสนับสนุนเบื้องหลังโรงพยาบาลต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในส่วนของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์
งานวิศวกรรมทางการแพทย์ ดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงงานโลจิสติกส์
ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์
“เพื่อตอกย้ำพันธกิจที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ให้กับโรงพยาบาลและองค์กรด้านสุขภาพ
ของประเทศไทย ด้วยบริการห้องปฏิบัติการขั้นสูง นวัตกรรมด้านซัพพลายเชน งานปราศจากเชื้อ
ที่มีคุณภาพสูง และงานวิศวกรรมชีวภาพที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ
ได้ขยายขอบข่ายการให้บริการสนับสนุนทางการแพทย์ที่ครอบคลุม ทั้งบริการตรวจวิเคราะห์
ทางห้องปฏิบัติการทางคลินิก ห้องปฏิบัติการไบโอโมเลกุลาร์ ห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยา และห้องปฏิบัติการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย บริการงานปราศจากเชื้อแบบครบวงจร บริการบริหารจัดการผ้าภายในโรงพยาบาล บริการวิศวกรรมทางการแพทย์ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์
ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ รวมไปถึงการบริหารจัดการซัพพลายเชน โดยจะมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ
ในแต่ละด้านให้บริการ พร้อมระบบปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับโลก”
ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจ ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทฯ จึงถือโอกาสปรับปรุงห้องปฏิบัติการ เพื่อรองรับแนวโน้มธุรกิจในอนาคต และเปิดให้บริการศูนย์บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ N Health สาขากรุงเทพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Big Lab in the City ห้องปฏิบัติการเอกชนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และมีความพร้อมที่สุดในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการทำงานของแพทย์ ให้บริการโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนให้เข้าถึงบริการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในด้านต่างๆ ทั้งการวินิจฉัยโรค (Diagnosis) การให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดูแลรักษา (Treatment & Prognosis) การป้องกันโอกาสและความเสี่ยงต่อการเกิดโรค (Risk Assessment & Preventive) ครอบคลุมทุกการตรวจวิเคราะห์ราว 200 ล้านตัวอย่างต่อปี หรือราว 40,000 ตัวอย่างต่อวัน รวมไปถึงสามารถรองรับการตรวจวิเคราะห์เชื้อโควิด-19 ได้ถึง 10,000 ตัวอย่างต่อวัน และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับสาขาต่างๆ กว่า 70 สาขาทั่วประเทศ
ในส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ที่มีผู้ติดเชื้อหลักหมื่นรายต่อวัน
บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนในทุกภาคส่วน นอกจากการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์แล้ว ยังดูแลรักษา ซ่อมบำรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดูแลงานปราศจากเชื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ดูแลรักษาความสะอาดภายในโรงพยาบาล เพื่อให้มีความพร้อมต่อการรักษา รวมไปถึงสนับสนุนระบบการแพทย์ทางไกลด้วยหุ่นยนต์ ในการปฏิบัติการในโรงพยาบาลสนามต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระงาน ลดความเสี่ยง
ต่อการติดเชื้อในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 นี้ N Health ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพการบริการสนับสนุน
ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น รวมไปถึงจะขยายธุรกิจ
ไปนอกกลุ่ม BDMS เพื่อให้ลูกค้าได้รับการให้บริการที่ครบครันและมีประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถ
เข้ารับบริการตรวจวิเคราะห์ผลทางห้องปฏิบัติการในสาขาต่างๆ กับ N Health ได้โดยตรง เพื่อนำผลไปให้แพทย์วินิจฉัยต่อไป ซึ่งจะสามารถช่วยลดระยะเวลาการรักษาและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
โดยคาดการณ์ว่าปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้เติบโต 3-5% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีรายได้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท