STGT รุกตั้งบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ สิงคโปร์ จำกัด

STGT รุกตั้งบริษัท SRI TRANG GLOVES (SINGAPORE) Pte. Ltd. 

เสริมความแข็งแกร่ง พร้อมขยายสาขาเพิ่มในภูมิภาคอาเซียน 

 

บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGTรุกตั้งบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (สิงคโปร์) จำกัด หรือ STGS ดูแลการจัดจำหน่ายถุงมือยางและบริหารงานวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทั้งในด้านการผลิตและพัฒนานวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ของกลุ่มบริษัทสู่ระดับสากล มุ่งเพิ่มศักยภาพการทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนรองรับการขยายกำลังผลิตถุงมือยางในระยะยาว พร้อมปรับโลโก้บริษัทใหม่ และศึกษาเตรียมจัดตั้งสาขาเพิ่มเติมในเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อทำการตลาดและจัดจำหน่ายถุงมือในประเทศต่างๆ 

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ STGT หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า จากแผนงานของบริษัทฯ ที่มุ่งลงทุนขยายกำลังการผลิต
ถุงมือยางอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายขยายเป็นมากกว่า 80,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2569บริษัทฯ จึงวางแผนขยายธุรกิจเพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการขยายตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก

ล่าสุด บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในประเทศสิงคโปร์แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เพื่อจัดจำหน่ายถุงมือยางและบริหารงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทั้งในด้านการผลิตและพัฒนานวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ สู่ระดับสากล และอยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมวางแผนการจัดตั้งบริษัทในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าตลอดจนทำการตลาด เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์  ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ดียิ่งขึ้นและสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีสำนักงานในสหรัฐอเมริกา จีน และไทย และจะใช้โมเดลในประเทศดังกล่าวที่ประสบความสำเร็จด้วยดีเป็นต้นแบบ อีกทั้งยังได้ปรับโลโก้ของบริษัทใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นแบรนด์ระดับสากลมากยิ่งขึ้น

จากการวางแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศควบคู่กับการลงทุนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ สามารถกระจายและจัดส่งสินค้าในประเทศต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก จากอัตราการบริโภคถุงมือยางที่ยังไม่สูงเท่ากับประเทศในทวีปยุโรป” นางสาวจริญญา กล่าว