MTC ปลื้ม หุ้นกู้ 3 รุ่น มูลค่า 4000 ลบ.ขายเกลี้ยง

 

MTC ปลื้ม! หุ้นกู้ 3 รุ่น มูลค่า 4,000 ลบ.ขายเกลี้ยง

สะท้อนเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตสม่ำเสมอมีฐานทุนแน่น

ปักหมุดพอร์ตสินเชื่อปี 65 ทะยานแตะ 1 แสนลบ.

 

บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เผยผลการเสนอขายหุ้นกู้ 3 รุ่น ูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ขายเกลี้ยง กระแสตอบรับดีเยี่ยม แม้ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ฟาก"ปริทัศน์ เพชรอำไพ" รองกรรมการผู้จัดการ ระบุ การเสนอขายหุ้นกู้ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจมีการเติบโตสม่ำเสมอ ฐานเงินทุนแข็งแกร่ง  รวมทั้งยังให้ผลตอบแทนระดับน่าสนใจ เดินหน้าขยายสาขา-เพิ่มฐานลูกค้า หนุนยอดพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 30-35%พร้อมปักหมุดพอร์ตสินเชื่อปี 65 พุ่งแตะ 1 แสนล้านบาท 

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ 3 รุ่น มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป โดยได้รับความสนใจอย่างคึกคัก แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่กระแสตอบรับยังดีเกินคาด ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ ยังมีความน่าสนใจอยู่ในระดับที่ดี เหมาะสมกับการเลือกลงทุนอีกด้วย

ทั้งนี้ หุ้นแต่ละรุ่นประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี 1 วัน อัตราผลตอบแทน 3.20% ต่อปี  หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราผลตอบแทน 3.50% ต่อปี  และหุ้นกู้อายุ 4 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราผลตอบแทน 3.70% ต่อปี  กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เปิดจองซื้อวันที่ 20, 23-25 สิงหาคม 2564 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย และ ธ.เกียรตินาคินภัทร เผยอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ BBB+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ จากทริสเรทติ้ง  ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade 

 

"ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อความสามารถในการทำกำไรที่ดี และคุณภาพสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ตลอดจนแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทฯที่จะสามารถรักษาการอัตราเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว"

รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ล่สุดบริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตเป็น 30-35% จากเดิมตั้งไว้ที่ 20-25% โดยเป็นผลจากความต้องการสินเชื่อยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถมอเตอร์ไซต์ และเป็นไปตามการขยายสาขาที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้จะพยายามควบคุมไม่ให้เกิน 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.1%

ส่วนการขยายสาขา สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสาขาเพิ่มเป็น 5,500 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 5,284 สาขา และในปีถัดไปจะเพิ่มอีก 600-700 สาขา โดยในปี 2565 คาดว่าจะมีสาขาอยู่ที่ 6,100 สาขา และในปี 2566 จะมีสาขาทั้งสิ้น 6,700 สาขา ซึ่งบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2565 พอร์ตสินเชื่อของบริษัทจะทะลุ 100,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาท