ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น SHR ยันหุ้น SHR Growth Stock


 

 บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก เมื่อวานที่ผ่านมา โดยราคา IPO อยู่ที่ 5.20 บาท แต่หลังจากการซื้อขายได้ไม่นานมากนัก ราคากลับร่วงลงมาปิดตลาดที่ราคา 4.14 บาท ลดลงไป 20% ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท

นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น SHR เปิดเผยว่า ความกังวลใจของนักลงทุนในเรื่องผลขาดทุนสุทธิของบริษัท จึงเทขายหุ้น SHR ที่เป็นหุ้นโรงแรมน้องใหม่ ที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก เมื่อวานนี้ จนทำให้ราคาหุ้น SHR ต่ำกว่าราคาพื้นฐานไปมากสภาพตลาดประกอบกับภาวะการซื้อขายที่ค่อนข้างอ่อนตัวของหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มโรงแรม

“ราคา IPO ที่ 5.20 บาท ของ SHR คือราคาในระดับ Book Value และเป็นราคาที่เหมาะสม กล่าวคือนักลงทุนเข้าลงทุนในโครงการต่างๆของบริษัท ในราคาเดียวกับบริษัท ซึ่งยังมีอัพไซส์อีกมากกล่าวคือ รร.พีพีและรร.กลุ่ม Outrigger  มีการบันทึกตามราคาต้นทุนที่บริษัทซื้อกิจการมา ซึ่งที่ผ่านมา รร.พีพี ก็มีราคาห้องพักที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่บริษัทฯปรับภาพลักษณ์ของรีสอร์ทตั้งแต่ซื้อมาเมื่อปี 2557 แผนในการปรับปรุงรร.ใน Outrigger ก็ยังมีอีกมาก และโครงการ Crossroads ก็เป็นการบันทึกต้นทุนที่ราคาก่อสร้าง หาก รร.เปิดดำเนินการ ผู้ถือหุ้นก็จะได้อัพไซส์จากรายได้และกำไรที่โครงการทำมาหาได้ เพราะฉะนั้น downside ในมุมมองปัจจัยพื้นฐานของ SHR จึงน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากผลประกอบการไตรมาส ปี 2562 ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ซึ่ง Book Value ดังกล่าวยังไม่นับแผนขยายธุรกิจของบริษัทที่พร้อมขยายการเติบโตหลังโครงสร้างเงินทุนแข็งแกร่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งอัพไซส์ที่นักลงทุนควรพิจารณา” นายสุชาย กล่าว

หลัง IPO SHR ยังคงสถานะเป็นบริษัทในเครือของสิงห์ เอสเตท โดยกลุ่มสิงห์ เอสเตท จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และถือหุ้นใน SHR รวม 60% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 

ทางด้าน นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ ยืนยันว่า จะถือหุ้น 60% ใน SHR และไม่มีแผนจะขายออกมาอย่างแน่นอน

 

 

 

“SHR ยังคงเป็นกลจักรสำคัญในธุรกิจโรงแรมของกลุ่ม สิงห์ เอสเตท ในการทำรายได้และกำไรประเภท recurring income หรือรายได้และกำไรแบบต่อเนื่องคล้ายกับการเก็บค่าเช่า ซึ่งตรงกับนโยบายของ ที่ต้องการสร้างความสมดุลระหว่างรายได้แบบต่อเนื่องจากธุรกิจโรงแรมและสำนักงานให้เช่า และรายได้แบบ non-recurring income จากธุรกิจบ้านพักอาศัยที่ต้องมีการขายเป็นโครงการๆไป เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อมั่นว่า ยังคงถือหุ้นและสนับสนุน SHR ต่อไปแน่นอน”

เมื่อวันที่ 11 พย ที่ผ่านมา SHR ได้แจ้งผลประกอบการในรอบ เดือน ปี 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทมีรายได้ในช่วง เดือน อยู่ที่ 2,639 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 66% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และ EBITDA ในงวด เดือน ปี 2562 อยู่ที่ 783 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 9% เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เต็ม เดือนของโรงแรม แห่ง ในกลุ่ม Outrigger และการรับรู้รายได้บางส่วนของโรงแรม แห่ง ในโครงการ CROSSROADS ที่บริษัทฯ เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเมื่อเดือน กันยายนที่ผ่านมา แต่เพราะค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทขาดทุนสุทธิ 299.9 ล้านบาท ในรอบ เดือน ปี 2562

นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัทเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กล่าวว่า “ผลประกอบการของ SHR เป็นไปตามเป้าที่บริษัทฯวางไว้ ทั้งในส่วนของโรงแรม8 แห่งที่สร้างรายได้และกำไรอยู่แล้ว และรร. แห่งใน Crossroads ที่เปิดดำเนินการเดือนแรก โดยบริษัทฯ ยังมีการเติบโตของรายได้และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ในรอบ เดือนที่ผ่านมา โดยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดขึ้นประจำและเกิดขึ้นในปีนี้เพียงปีเดียวกว่า 260 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายก่อนเปิดโรงแรม 2 แห่งในโครงการ Crossroads และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ประกอบกับในงวด เดือน 2562 บริษัทฯ ยังมีภาระต้นทุนทางการเงินที่กู้ยืมจากธนาคารมากกว่า 150 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อโรงแรม Outrigger ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวบริษัทได้ชำระคืนแล้วในวันที่ พ.ย.ที่ผ่านมา ต้นทุนทางการเงินส่วนนี้ในปีหน้าไม่มีแน่นอน ซึ่งหากพิจารณาหัก ปัจจัยนี้จากผลขาดทุนสุทธิของบริษัทจะพบว่ากลุ่ม รร. ของบริษัทฯ ยังคงสร้างรายได้และกำไรหลักจากการประกอบธุรกิจ (Core Profit) ดังนั้นบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าหลังจากการปรับโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม และโครงการ Crossroads เปิดดำเนินการเต็มปีในปีหน้า บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่องได้แน่นอน”