นางศิโรบล บุญถาวร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กร บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดีย
ซึ่ง GPSC ถือหุ้นในสัดส่วน 41.6% ในบริษัท Avaada ประเทศอินเดีย ที่ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 4,560 เมกะวัตต์ โดยคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ GPSC ที่ 1,897 เมกะวัตต์อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี (XPCL) ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก และความต้องการใช้ไฟฟ้า ไอน้ำที่ปรับตัวสูงขึ้นของลูกค้านิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะมีความสม่ำเสมอต่อเนื่องมายังในไตรมาส 3/64
อย่างไรก็ตามในไตรมาสนี้ก็ยังมีปัจจัยกดดันจากราคาก๊าซและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดราคาก๊าซจะปรับตัวขึ้น 10% และราคาถ่านหิน เพิ่มขึ้น 30% ทำให้กดดันต่อมาร์จิ้นโรงไฟฟ้าลดลงเล็กน้อย แต่บริษัทก็จะบริหารจัดการให้ดีที่สุด
โดยปัจจุบัน โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ประกอบด้วยโครงการการพัฒนาหน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recovery Unit : ERU) มีความคืบหน้าในด้านวิศวกรรมและการออกแบบ ราว 90% แล้ว และเตรียมที่จะจัดซื้อเครื่องจักรต่างๆ ซึ่งโครงการนี้มีกำหนด COD ในปี 66 บริษัทคาดว่าจะยังทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกัน
ด้านโครงการโรงไฟฟ้า SPP Replacement เฟส 2 ของ บมจ. Glow มีกำหนด COD ในปี 65 ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างและด้านอื่นๆ โดยรวมอยู่ที่ 39.4%
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind) ในไต้หวัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับสัญญาซื้อขายหุ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/65
นางศิโรบล กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะผลักดันกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจาก 4,750 เมกะวัตต์ในปี 63, เป็น 5,845 เมกะวัตต์ในปี 64 , เป็น 6,608 เมกะวัตต์ในปี 65 จนไปถึง 7,102 เมกะวัตต์ในปี 66
สำหรับแผนการลงทุนจากนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสม โดยประเทศเป้าหมายยังคงเป็นอินเดีย เวียดนาม และไต้หวัน