อินโดรามา เวนเจอร์ส เข้าซื้อบริษัท Oxiteno ในประเทศบราซิล
สร้างธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมสารลดแรงตึงผิวมูลค่าเพิ่ม
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 16 สิงหาคม 2564 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ประกาศข้อตกลงเข้าซื้อบริษัท Oxiteno S.A. Indústria e Comércio ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศบราซิล และเป็นบริษัทย่อยของ Ultrapar Participações S.A. การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ไอวีแอลมีธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมสารลดแรงตึงผิวมูลค่าเพิ่ม อีกทั้งยังช่วยขยายกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives หรือ IOD ที่ดำเนินการอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
Oxiteno เป็นผู้นำในการผลิตสารลดแรงตึงแบบบูรณาการสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่างมากในละตินอเมริกาการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้นำมาซึ่งทีมผู้บริหารที่เป็นเลิศ ความเชี่ยวชาญระดับโลกในนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในประเทศบราซิล อุรุกวัย และเม็กซิโก พร้อมด้วยศักยภาพการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมในตลาดผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึงโรงงานแห่งใหม่ในเมืองพาซาดีนา รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ Oxiteno ยังมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการกำกับกิจการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, and Governance หรือ ESG) ของไอวีแอล
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ไอวีแอลจะมีตำแหน่งทางการตลาดที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในเทคโนโลยีสำหรับการใช้งานที่มีความเฉพาะเจาะจง อุดมด้วยทรัพย์สินทางปัญญา และมีมูลค่าเพิ่ม ทั้งในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลที่อยู่อาศัยและการดูแลส่วนบุคคล เคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร สารเคลือบผิว รวมถึงน้ำมันและก๊าซ ตลาดสารลดแรงตึงผิวมีการเติบโตอย่างมั่นคงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต อาทิ การเติบโตของประชากร การขยายตัวของสังคมเมือง และการเพิ่มการตระหนักด้านสุขอนามัยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ฐานการผลิต 11 แห่ง ลูกค้าใน 4 ทวีป และทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ของ Oxiteno จะช่วยเสริมกลุ่มธุรกิจ IOD ในสหรัฐฯ และละตินอเมริกา ในขณะที่ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีทั้ง 5 แห่งของ Oxiteno จะช่วยเพิ่มการรับรองด้านนวัตกรรมของไอวีแอลสำหรับเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ การดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นนี้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการขยายธุรกิจในทวีปยุโรปและเอเชีย พร้อมการยกระดับธุรกิจสารลดแรงตึงผิวของ Indorama Ventures Oxides (IVOX) ในประเทศออสเตรเลียและอินเดีย รวมถึงฐานการผลิตอื่นๆ ของไอวีแอลใน 34 ประเทศทั่วโลก โดยไอวีแอลคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2568 ผ่านการปรับกลุ่มธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน
ไอวีแอลจะเข้าซื้อ Oxiteno ด้วยมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเสร็จสิ้น) โดยมีกำหนดระยะเวลาการชำระมูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2567 ธุรกรรมดังกล่าวขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฏหมาย คาดว่าจะดำเนินธุรกรรมแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 และจะสร้างรายได้ส่วนเพิ่มในทันที บริษัทฯ ใช้แหล่งเงินทุนจากการยืดระยะเวลาการชำระบางส่วนและใช้เงินสดส่วนเกิน กระแสเงินสดอิสระจากการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่ เงินกู้ระยะสั้นสำหรับเงินทุนหมุนเวียน และส่วนที่เหลือจากหนี้สินระยะยาว
ทั้ง Oxiteno และอินโดรามา เวนเจอร์ส ต่างมีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวและมีแนวคิดคล้ายกัน คือการให้ความสำคัญกับบุคลากรในฐานะตัวแปรสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้แก่ธุรกิจ รวมถึงการให้คุณค่าแก่นวัตกรรมและการลงทุนเพื่อให้ธุรกิจมีความหลากหลายและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีความเหมาะสมและลงตัวสำหรับไอวีแอล เรามีผลงานที่ชัดเจนในการสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำเร็จในการบูรณาการกิจการที่เข้าซื้อ 50 แห่งในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ด้วย Oxiteno เรากำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจสารเคลือบแรงตึงผิว การผนึกกำลังของบริษัทเข้าด้วยกัน เรากำลังสร้างความแข็งแกร่งให้กับคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า การเข้าถึงตลาด และทีมงานที่มีประสบการณ์ เช่นเดียวกับไอวีแอล Oxiteno เติบโตจากกิจการครอบครัวด้วยแนวคิดอย่างผู้ประกอบการ การรวมทีมของทั้งสองเข้าด้วยกันนับเป็นสิ่งที่หาได้ยากในอุตสาหกรรมนี้ และเรารอคอยที่จะต้อนรับทุกๆ คนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไอวีแอล”
Frederico Curado ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ultra Groupกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่เราต้องมั่นใจ คือ Oxiteno จะได้รับประโยชน์จากการบูรณาการผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับธุรกิจ ซึ่งจะกำหนดจุดยืนทางกลยุทธ์เพื่อนำพาบริษัทไปสู่การเติบโตในอนาคต”
ธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) ที่เติบโตของ Oxiteno ส่งเสริมกลุ่มธุรกิจ IOD ที่มีอยู่ของไอวีแอล
ผลิตภัณฑ์ HVA ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมของ Oxiteno เป็นส่วนสำคัญที่จะเติมเต็มรูปแบบธุรกิจที่เติบโตของไอวีแอล (ภาพประกอบที่ 1) และเป็นปัจจัยผลักดันการคาดการณ์ EBITDA ของไอวีแอลในช่วง 2 ปีนับจากนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากที่บริษัทฯ ประกาศไว้ในเดือนมกราคม ปี 2564 เมื่อผนวกกับสินทรัพย์ระดับโลกของไอวีแอลที่ซื้อจากบริษัท Huntsman ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2563 (ธุรกรรม Spindletop) การเข้าซื้อ Oxiteno จะทำให้กลุ่มธุรกิจล่าสุดอย่าง IOD เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตที่มีผลกำไรสูง ควบคู่ไปกับธุรกิจเริ่มต้นอย่าง PET อีกทั้งจะสร้างรูปแบบธุรกิจผสมผสาน ที่แข็งแกร่งและมีความยืนหยุ่นมากขึ้น
ความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มธุรกิจ IOD ธุรกิจสารลดแรงตึงผิวประสิทธิภาพสูงของ Oxiteno และกลุ่มธุรกิจ Combined PET ผ่านการใช้น้ำมันดิบ shale gas และวัตถุดิบโอเลโอ ส่งผลให้ไอวีแอลได้รับประโยชน์จากการบูรณาการตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานที่แตกต่าง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อโมเดลการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET รายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุที่มีการดำเนินงานขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา (ภาพประกอบที่ 2)
นอกจากนี้ การรับรองนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Oxiteno ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายที่ท้าทายของไอวีแอลในด้านความยั่งยืน ในฐานะผู้นำการดำเนินเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับ PET และส่วนประกอบทางชีวภาพ ทั้งนี้ ประเทศบราซิลเป็นแหล่งผลิตเอทานอลที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งใช้ในการผลิตเอทิลีนทางชีวภาพ (bio-ethylene) เพื่อเพิ่มความยั่งยืนให้แก่ กลุ่มอนุพันธ์เอทิลีนออกไซด์ (Ethylene Oxide Derivatives หรือ EOD) และ PET ที่ยั่งยืน โดยปัจจุบันไอวีแอลเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้สำหรับขวด PET รีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดของโลก และตั้งเป้าที่จะรีไซเคิล PET ทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 750,000 ตันต่อปี ภายในปี 2568 พร้อมลงทุน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “การรวมกิจการระหว่าง Oxiteno และกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides & Derivatives ที่ไอวีแอลดำเนินการอยู่ เป็นการส่งเสริมกันอย่างมาก ทำให้เราเข้าสู่ตลาดละตินอเมริกาที่มีการเติบโตสูง และเป็นซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังจะช่วยผลักดันการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการเร่งขยายธุรกิจเคมีภัณฑ์ปลายน้ำ การเพิ่มการเข้าถึงตลาดคุณภาพสูง การเสริมการรับรองด้านการวิจัยและพัฒนาและความยั่งยืน การรวมธุรกิจจะเร่งการเติบโตของรายได้และ EBITDA และส่งผลดีด้านต้นทุนจากการดำเนินงานร่วมกัน”
ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตด้วยกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ไอวีแอลได้สร้างรูปแบบธุรกิจระดับโลกที่แข็งแกร่งจากการเข้าซื้อกิจการกว่า 50 แห่งในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา และกำลังเริ่มดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนต้นทุน การใช้สินทรัพย์อย่างเต็มศักยภาพ การเติบโตไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน และความเป็นเลิศขององค์กร ซึ่งหมายรวมถึงการลงทุนที่สำคัญในโครงการปรับเปลี่ยน ประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิผล อันจะช่วยขับเคลื่อนการขยายกลุ่มธุรกิจ IOD เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจ Fibers และเพิ่มคุณค่าให้แก่กลุ่มธุรกิจ Combined PET
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตั้งแต่ปี 2557 ผมวางกลยุทธ์ของเราไว้ว่าชัดเจนมากว่าจะมุ่งเน้น HVA และผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยทำให้เราอยู่ในฐานะผู้นำระดับโลก นับจากโรงงาน PET แห่งแรกของเราในปี 2538 เราได้เติบโตเป็นผู้นำระดับโลกอย่างทุกวันนี้ด้วยผลงานที่เห็นเด่นชัดจากการเข้าซื้อกิจการและการบูรณาการสินทรัพย์และทีมงานใหม่ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้องค์กรมีขนาดใหญ่และแตกต่างจากรายอื่นๆในตลาด ด้วยเหตุนี้และการมุ่งเน้นแนวทางด้านความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน โครงการปรับเปลี่ยนและเพิ่มประสิทธิผลด้านต่างๆ ของเรา ประกอบกับกับความสามารถในการเติบโตทั้งภายในและจากการเข้าซื้อกิจการ จะช่วยผลักดันคุณค่าองค์กรอย่างต่อเนื่อง” (ภาพประกอบที่ 3)